บทที่ 143: เมฆทมิฬ (4)
เคร้งงง!
กวานแจและฮันซูค่อยๆ ฝ่าไปยังอาร์คลาทอรี่ผ่านสนามรบที่ดุเดือดอย่างช้าๆ
ในเมื่อพวกเขารู้โดยสัญชาตญาณ
ว่าพวกเขาต้องจัดการตัวหัวหน้าแทนที่จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่
‘เราต้องพาฮันซูเข้าไปในนั้น’
ยิ่งเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าออกมาเท่าใด อคาดัสจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพุ่งเข้ามายังพวกเขามากเท่านั้น
เพื่อที่จะขัดขวางไม่ให้ฮันซูเข้าไป
“ขวางพวกมัน!”
กวานแจตะโกนเสียงดังขณะที่เขาสั่งนักผจญภัยที่อยู่รอบๆ ให้ขัดขวางอคาดัส
ตูมมม!
อคาดัสที่พยายามขัดขวางพวกเขาไม่ให้ไปยังประตูทางเข้าออกและมนุษย์ที่พยายามขัดขวางอคาดัสพวกนั้นเข้าปะทะกันอย่างดุดัน
กวานแจกัดฟันกรอดและพุ่งออกไปราวกับว่าเขาพยายามที่จะทดแทนความขี้ขลาดของเขาก่อนหน้า
กร๊อบบบ!
อคาดัสสีเงินถูกทำลายโดยลูกเตะของกวานแจและลอยไปบนอากาศ
จากนั้นอุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังอคาดัสตัวนั้น
เส้นทางที่นำพาไปสู่ด้านในอาร์คลาทอรี่
‘เรามาถึงแล้ว!’
กวานแจรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
‘อืม มันอาจจะมีความสูญเสียมากมายเกิดขึ้นถ้าไม่มีฮันซู…’
ความเสียหายที่พวกเขาได้รับนั้นน้อยพอที่จะเรียกได้ว่าพวกเขาจัดการสถานการณ์ได้โดยที่ไม่ได้สูญเสียไปมากมายขนาดนั้น
กวานแจหยุดคิดและมองไปยังฮันซูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“จะยังไงก็เถอะ นายมั่นใจใช่ไหมว่านายจะเอาชนะหมอนั่นได้หลังจากที่เข้าไปในนั้น?”
คนอื่นๆ มีพลังไม่พอที่จะช่วยเหลือฮันซูแม้ว่าพวกเขาจะเข้าไป
ปล่อยให้ฮันซูรับมือกับสมาชิกของเผ่าเมฆทมิฬคนเดียวและป้องกันทางเข้าออกโรงงานหลังจากนั้นก็ยากมากพอแล้ว
ในเมื่อความดุดันของอคาดัสยังคงอยู่แม้ว่าพวกเขาจะทะลวงฝ่ามาถึงทางเข้าออกได้แล้ว
และจำนวนรวมของพวกมันก็ไม่ได้ดูจะลดน้อยลงขนาดนั้นราวกับว่าอคาดัสที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จากโรงงานมาที่นี่หลังจากที่ถูกปนเปื้อนแล้ว
ฮันซูคือคนที่จะจัดการเรื่องด้านในนั่น
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินคำพูดของกวานแจ
“อย่ากังวลนักเลย ฉันเตรียมตัวมามากสำหรับ…”
กระทั่งก่อนที่ฮันซูจะสามารถพูดได้จบ
ตูมมมม!
กลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลได้เริ่มแพร่กระจายออกมาจากภายในอาร์คลาทอรี่
ครืนนนน
ออร่าสีดำที่ไม่มีผลอะไรจนถึงก่อนหน้านี้
กวานแจรับรู้ได้ถึงสันหลังที่เย็นวาบ
ออร่าสีดำนั่นได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสนามรบ
กวานแจกัดฟันกรอดและพึมพำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
‘ทำไมเจ้านั่นถึงต้องใช้อคาดัสจัดการพวกเราด้วย… ในเมื่อเจ้านั่นแข็งแกร่งถึงขนาดนี้?’
หากตัวเขาสามารถครอบครองพลังที่มหาศาลขนาดนั้นได้ งั้นเขาก็คงจะไม่ต้องใช้อคาดัสตั้งแต่แรก
เขาคงจะออกมาและฆ่าทุกคนในครั้งเดียว
และกลิ่นอายที่เขากำลังรับรู้ได้อยู่ในตอนนี้มันก็แข็งแกร่งในระดับนั้น
นักผจญภัยทั่วทั้งสนามรบเองก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนั้นและแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง
เพียงแค่กลิ่นอายทั่วๆ ไปที่ระเบิดออกมาก็ได้ขจัดความคิดที่จะต่อสู้ออกจากสมองของพวกเขาและแทนที่มันด้วยความหวาดกลัวแล้ว
ในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาชะงักไปกับกลิ่นอายนั้นนั่นเอง
การเคลื่อนไหวของอคาดัสรอบๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป
“หืออ! เกิดอะไรขึ้นกับไอ้พวกนี้!”
“ทำไมจู่ๆ พวกมันถึงโจมตีแค่พวกเรา!”
เป้าหมายของอคาดัสเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์
เป้าหมายหลักของพวกมันที่เคยเป็นอคารอนที่ใช้ของเหลวจักรพรรดิคลั่งได้เปลี่ยนไปและพุ่งเข้ามาหาพวกเขาแทน
แต่เป็นหลังจากที่กลิ่นอายโหดเหี้ยมนั่นทะลักออกมาจากภายในโรงงาน
พวกมันไม่แม้แต่จะเหลือบตามองอคารอนขณะที่พวกมันทำเพียงโจมตีมนุษย์
กวานแจกัดฟันกรอดกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสถานการณ์
ฮันซูวิเคราะห์สถานการณ์เหล่านั้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
‘เธอเสียร่างไปแล้ว’
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับกวานแจ
“จัดการที่นี่ อย่าให้ใครเข้าไปด้านใน”
จากนั้นฮันซูทะยานร่างเข้าไปในอุโมงค์
กวานแจกัดฟันกรอดเมื่อเขาเห็นภาพที่กำลังเกิดขึ้น
‘ควบคุมสถานการณ์นี้?’
ทุกคนกำลังเหลือบตามองกันและตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะกลิ่นอายที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน
พวกเขาจะไม่เป็นแบบนั้นได้ยังไง
กระทั่งตัวกวานแจเองยังต้องการจะหนีไปเลย
ในตอนนั้นเองที่พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมาหาเขา
พรึ่บ
ท่าทีของกวานแจเคร่งเครียดขึ้นเมื่ออ่านข้อความ
ก่อนที่เขาจะพึมพำขึ้นด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
‘ฮันซู นายบอกฉันว่านายสู้เพราะนายเองก็มีคนที่สำคัญต่อนาย’
งั้นเขาที่เลือกจะปกป้องคนสำคัญของเขาเองก็ถือเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง
สถานการณ์วุ่นวายในตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหลบหนี
กวานแจกัดฟันกรอดและหายไปจากสนามรบอย่างระมัดระวังเพื่อที่คนอื่นๆ จะได้ไม่รู้ตัว
ตึก ตึก ตึก
ฮันซูพึมพำอย่างเงียบงันเมื่อเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากห่างออกไปในขณะที่กำลังพุ่งตัวผ่านอุโมงค์
‘มันจงใจทำ’
เขาต้องเดินหน้าต่อไปอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ภาพที่คุ้นเคยก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ
เอลคาเดียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มันและศพมนุษย์ที่ล้มอยู่ข้างๆ
กัลคิม่าที่ยึดครองร่างของเอลคาเดียนมองไปยังฮันซูและหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ตอนนี้ฉันพอจะรู้แล้วในระดับหนึ่ง ว่าเจ้านี่กับแกรู้เกี่ยวกับฉันได้ยังไง!”
เขาไม่อาจอ่านความทรงจำของเธอได้ในเมื่อเขายังยึดครองร่างนี้ได้ไม่นานนัก
แต่การอ่านความทรงจำล่าสุดที่เธอมีไม่ได้ยากขนาดนั้น
‘ไอ้การที่กลับมาจากอนาคตหลังจากที่ฆ่าเผ่ามังกรนี่’
นี่คือสาเหตุให้อีกฝ่ายยังคงสามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีความแตกต่างในด้านพลัง
ทำไมอีกฝ่ายจะต้องกลัวคนแบบเขาในเมื่ออีกฝ่ายเคยฆ่าเผ่ามังกรมาแล้ว?
‘แต่แกก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่งในตอนนี้ ไหนมาดูสิว่าแกจะยังสงบใจอยู่ได้อีกไหมหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้’
กัลคิม่าหยุดคิดและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“มันดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่มีความทรงจำที่น่าสนใจมากๆ ในบรรดาคนที่หนีไปยังประตูมิติ แกรู้เหมือนกันรึเปล่า? ว่าหนึ่งในลูกน้องของแกสร้างเครื่องมือคานอำนาจขึ้นมา?”
ฮันซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
เครื่องมือคานอำนาจ
แน่นอนว่าเขารู้
แต่ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ในตอนนี้
และเขาได้บอกกวานแจไปแล้วว่าให้ทำลายแผนนั้นก่อนที่เขาจะมาที่นี่
กัลคิม่าแสดงสีหน้าขบขันออกมาขณะที่เขามองไปยังฮันซู
“แกก็รู้ ฉันเหมือนจะไปเจอมันก่อน คนอย่างฉันหรือนายอาจจะมีชีวิตรอดแม้ว่าไอ้สัตว์อสูรนี่จะกลิ้ง แต่ฉันสงสัยจริงว่าเผ่าพันธุ์ของแกกี่คนจะมีชีวิตรอด”
มันเป็นเวลาสักพักแล้วตั้งแต่ที่เขาส่งอคาดัสสีทองตัวหนึ่งไปพร้อมกับพวกสีเงินอีกจำนวนมาก
เขาสามารถทำให้ไอ้สัตว์อสูรตัวยักษ์นี่กลิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ
โดยใช้เครื่องมือคานอำนาจที่มนุษย์เตรียมเอาไว้
‘ถ้าฉันรู้ว่าจะเจออะไรแบบนี้ งั้นมันก็คงไม่มีแม้แต่ความจำเป็นในการขโมยร่างของเจ้านี่ การรักษาสัญญามันค่อนข้างจะน่าเบื่อไม่น้อย’
อืม เขาสามารถพาอคารอนทั้งหมดขึ้นไปบนฟ้าได้ด้วยอคาดัส
สีหน้าของกัลคิม่าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว
“ไอ้แมลง ฉันควรจะนับถือแกที่สามารถไล่ต้อนฉันมาไกลถึงขนาดนี้ แต่แกก็มาได้แค่นี้แหละ ยอมแพ้ซะเถอะ”
ความจริงแล้ว ด้วยพลังของเขาในยามนี้ การควบคุมทุกคนด้านนอกนั่นโดยที่ไม่ต้องทำให้กรากอซกลิ้งนับเป็นเรื่องง่าย
ในเมื่ออคาดัสที่ถูกผลิตออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุดด้วยพลังของเขาก็เพียงพอแล้ว
แต่ชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ถ้าเจ้าหมอนี่หนีไปหลังจากที่รับรู้ได้ถึงพลังของเขา งั้นมันก็ไม่มีอะไรให้กลัว
ดังนั้นแล้วเขาจึงจงใจปล่อยกลิ่นอายของเขาออกไป
เพื่อที่จะทดสอบอีกฝ่าย
แต่อีกฝ่ายไม่ได้หนีไปแม้ว่าจะรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของพลัง ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา และกระทั่งรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ตลอดเวลา
‘นั่นสิ แกฆ่าเผ่ามังกรนี่นะ?’
เผ่ามังกร
เผ่าชั้นสูงที่ปกครองอบิส ผู้ที่เพียงแค่นามก็สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่น
แม้ว่าเขาจะเล่นเป็นพระราชาในสถานที่แบบนี้ ถ้าเขาไปขวางทางเผ่ามังกรสักตัว งั้นเขาก็คงจะเป็นได้เพียงที่เช็ดนิ้วโป้งเท้าของพวกนั้น
ไอ้การที่หมอนั่นฆ่าไอ้สิ่งมีชีวิตแบบนั้นและกลับมา
ถ้าหมอนั่นไม่กลัวเผ่ามังกร แล้วมันจะมีอะไรในโลกนี้ให้หมอนั่นกลัวอีก?
“ยอมแพ้ซะ แล้วตัดแขนของแกข้างหนึ่งกับขาทั้งสองข้างของแกออกมา หรือไม่งั้นทั้งเผ่าพันธุ์ของแกจะไม่อาจหลีกเลี่ยงการสูญสิ้นได้”
ความจริงแล้ว การที่เขาฆ่าทุกคนก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้เขาแต่อย่างใด
ในเมื่อพวกที่เขาต้องควบคุมจะกลายเป็นศพแทน
แต่ชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายมากเกินไป
จนถึงจุดที่เขาต้องข่มขู่อีกฝ่าย
ในตอนนั้นเอง
พรึ่บ พรึ่บ
พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมาหาฮันซู
มันคือพิราบสื่อสารจากกวานแจ
<ฉันขอโทษ… ครั้งสุดท้ายแล้ว ฝากที่เหลือด้วย>
“เจ้าโง่นี่…”
ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่เขาอ่านข้อความนั้น
กวานแจที่มุ่งหน้าไปยังบางแห่งอย่างบ้าคลั่งแสดงสีหน้าหดหู่ออกมาขณะที่เขามองเห็นบางอย่างในระหว่างทาง
คนที่เขาส่งมาเพื่อที่จะทำลายเครื่องมือคานอำนาจ
แต่ร่างของพวกเขาล้วนเย็นชืดไปจากการลอบโจมตีนานแล้ว
กวานแจกัดฟันกรอดและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เครื่องมือคานอำนาจของเขาตั้งอยู่หลังจากที่เห็นศพของชายที่ตายทันทีหลังจากที่ส่งข้อความมา
และสบถออกมาหลังจากที่เห็นสถานการณ์
‘บัดซบ…’
เขาสามารถเห็นอคาดัสสีเงินที่กำลังเทแกรปไฟต์อยู่อย่างบ้าคลั่งได้
และอคาดัสที่กลายเป็นสีดำตัวหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าพวกมัน
อคาดัสสีทอง ไม่สิ กัลคิม่าที่กำลังควบคุมอคาดัสอยู่แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ในเมื่อเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครบางคนมาที่นี่
แต่เมื่ออคาดัสสีทองรู้ว่าใครมาที่นี่มันก็หัวเราะขึ้นพร้อมเอ่ย
“แกนี่ค่อนข้างกล้าหาญเลยไม่ใช่รึไง ไม่ใช่ว่าแกคือคนที่ตัวสั่นริกหลังจากที่ถูกโจมตีไปแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้เหรอ?”
มันกำลังเยาะเย้ยเขาและหัวเราะใส่เขาแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เครื่องจักร
กวานแจกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำพูดของอคาดัสสีทอง
‘ยังมีอีกตัวรึเปล่า’
ที่สนามรบมีสิบตัว
แต่แต่เดิมแล้วมันมีทั้งหมดสิบสองตัว
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะซ่อมตัวที่พังไปสองตัวเสร็จไปหนึ่ง
และหมอนั่นมาที่นี่หลังจากที่รู้ตำแหน่ง
อคาดัสยังคงพูดต่อไปขณะที่มันมองมายังกวานแจ
“ลูกน้องแกไปไหนหมดล่ะ ทำไมแกถึงมาคนเดียว? ฉันยังเห็นภาพของแกดิ้นรนและมองหาลูกน้องของแกอยู่เลย”
อคาดัสผ่อนคลายอย่างมาก
ในเมื่อคนที่อยู่ด้านหน้ามันไม่อาจเอาชนะมันได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
กวานแจเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“พวกเขาต้องป้องกันทางเข้าออก”
กวานแจอยากจะพากองกำลังทั้งหมดที่เขามีมาที่นี่เช่นกัน
แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้
ในเมื่อเขาจะดูเตะตา
เขาลอบออกมาจากสนามรบได้อย่างยากลำบากโดยใช้สกิลระดับมาร์กอชของเขา
แต่การที่หัวหน้ากิลด์พาลูกกิลด์ทั้งหมดของเขาหนีไป?
ไม่ว่าเขาจะแก้ตัวยังไง มันก็ไม่ดูเหมือนอย่างอื่นนอกจากพวกเขาหนี
จากนั้นขบวนทัพของกลุ่มนักผจญภัยที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วก็จะแตกสลายในเสี้ยววินาทีนั้นและความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น
และมันชัดเจนว่าอคาดัสที่เหลืออยู่จะมุ่งหน้าไปที่ไหน
‘เอนบิ อาริน ฉันหวังว่าเธอจะนำพวกเขาได้ดี’
ในตอนนี้ สีหน้าของอคาดัสสีทองได้เปลี่ยนจากความขบขันเป็นความเศร้าสร้อย
“ซึ่งหมายความว่าแกมาที่นี่คนเดียว แล้วแกจะทำยังไงล่ะ?”
กวานแจกัดฟันกรอดและสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ
ถ้าเขาไม่อาจขัดขวางเจ้านี่ได้ที่นี่ งั้นพวกเขาก็จะตายกันหมด
เพราะเครื่องมือคานอำนาจที่เขาเตรียมเอาไว้
‘อ่า… ฉันไม่ควรจะเตรียมอะไรแบบนี้เอาไว้เลย’
ความเศร้าสร้อยเอ่อล้นอยู่ในใจของกวานแจ
มันไม่ใช่เพราะว่าทุกคนกำลังจะตายเพราะความผิดพลาดของเขา
ในเมื่อเขาจะไม่ปล่อยให้อะไรแบบนั้นเกิดขึ้น
กวานแจที่กำลังครุ่นคิดด้วยสีหน้าหนักอึ้งกลืนบางอย่างที่อยู่ในมือของเขาลงไป
อึก
วินาทีที่เขากลืนมันลงไปนั้นเอง
เลือดในร่างของเขาก็เริ่มเดือดพล่าน
หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้นคือของเหลวสีเงินในเลือดของเขา
ระดับพลังที่อยู่ในระดับมาร์กอชเริ่มจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาล
จากนั้นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจย้อนคืนก็เกิดขึ้นทั่วทั้งร่างของเขา
ครึ่ก ครึ่ก
กวานแจแสดงสีหน้าเศร้าหมองหดหู่ออกมาเมื่อเขาเห็นร่างที่กำลังลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงของเขา
‘ฉันต้องตายโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกสาวของฉันจริงๆ เหรอ’
เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะให้เอลคาเดียนรับผิดชอบ
ในเมื่อความผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นนั้นใหญ่โตมากกว่าสิ่งที่เธอก่อ
และมันเป็นสาเหตุให้เขาต้องรับผิดชอบมัน
กิ้งงง
อคาดัสสีทองตื่นตระหนกกับไปกับร่างของกวานแจที่เริ่มส่องแสงสีเงิน
“แก นี่เอาจริงดิ?”
มันรู้จักยานั่นเช่นกัน
ในเมื่อมันเคยเห็นอคารอนกินเข้าไปเพื่อที่จะรับมือกับมันมาก่อน
ของเหลวจักรพรรดิคลั่ง
ศาสตร์ลับของอคารอนที่จะเผาไหม้พลังชีวิตของผู้ใช้และทำให้พวกเขามีพลังของจักรพรรดิที่บ้าคลั่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ
กวานแจมองไปยังบางแห่งที่อยู่ห่างออกไปด้วยสีหน้าขมขื่น
การตายไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ในเมื่อเขาคงจะตายไปนานแล้วด้วยน้ำมือของบาทหลวงถ้าไม่มีฮันซู
เขาก็แค่รู้สึกเศร้ามากๆ เท่านั้น
ว่าเขาจะไม่อาจได้เห็นหน้าภรรยาของเขาอีกต่อไปเพราะความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่เขาก่อ
‘ฮันซู ฉันเชื่อว่านายจะสามารถทำให้ที่แห่งนี้สงบสุขได้อย่างแท้จริง’
แล้วภรรยาและลูกสาวของเขาที่อยู่ในท้องของภรรยาของเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขเป็นอย่างน้อย
“นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แกต้องตายกับฉันที่นี่ ไอ้เวรบัดซบเอ้ย”
กวานแจที่ร่างเริ่มส่องแสงสีเงินหม่นรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังถูกเผาไหม้ของเขาก่อนจะพึมพำออกมา
TL: เอาตามตรงแล้วไม่รู้สึกว่ากวานแจทำผิดเลยล่ะค่ะ…//ชูป้าย