บทที่ 138: เอลคาเดียน (3)
ฮันซูเดินตามการนำของเอลคาเดียนไปขณะที่เขาอ่านประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนลงบนก้อนหินสี่เหลี่ยมสีดำขนาดยักษ์ <ฮิสทอราน>
ประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสงคราม การต่อสู้ และการดิ้นรนเอาชีวิตรอด
มันยังมีมากมายขนาดนี้แม้ว่าจะเขียนเพียงแค่เรื่องราวที่ส่งผลกระทบมากลงไป
‘มันคงมีอย่างน้อยหนึ่งล้านปี…’
ฮันซูรับรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของฮิสทอรานหลังจากที่อ่านชั่วได้พักหนึ่ง
“มันมีคำอธิบายเกี่ยวกับกองทัพและกลยุทธ์อยู่ค่อนข้างมากเลย”
เอลคาเดียนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ฮิสทอราน
บันทึกของประวัติศาสตร์แห่งสงคราม
ในเวลาเดียวกันกับที่ข้อมูลถูกบันทึกลงไป วิธีการในการสร้างเครื่องมือในการทำสงครามก็ถูกบันทึกลงไปพร้อมกัน
ข้อมูลที่อันตรายเสียจนถูกเขียนไว้แค่ที่ฮิสทอราน และมีเพียงแค่บาทหลวงและนักบวชที่ถูกเลือกอีกไม่กี่คนที่สามารถอ่านมันได้
เอลคาเดียนหัวเราะเมื่อเธอเห็นเช่นนั้น
“มันตลกใช่ไหมล่ะ? เราเขียนเรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามและการต่อสู้ของคนของเราลงบนฮิสทอรานเพื่อที่จะไม่ทำความผิดพลาดแบบเดิม แน่นอนว่าฮิสทอรานนี่ก็เต็มไปด้วยกลยุทธ์และวิธีการเพื่อสงคราม”
“นี่คือของขวัญสำหรับพวกเราเหรอ?”
เอลคาเดียนส่ายศีรษะ
“ไม่มีทาง ถึงมันจะมีประสิทธิภาพมาก มันก็อันตรายเกินไป และกลยุทธ์ทั้งหมดที่นี่ก็ถูกสร้างขึ้นภายใต้การผ่าตัดดัดแปลงร่างกายและอคาดัสอยู่ดี”
คำพูดของเอลคาเดียนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เธอมีสิทธิที่จะคิด ในเมื่อเธอได้สร้างบางอย่างที่เหนือกว่ามรดกของบรรพบุรุษทั้งหมดของเธอขึ้นด้วยตนเอง
‘ดูเหมือนมันจะมีมากกว่านี้ ฉันควรจะอ่านเพิ่มอีกหน่อย’
ฮันซูพลันขมวดคิ้วหลังจากที่อ่านไปอีกพักใหญ่
ส่วนหนึ่งของฮิสทอรานถูกลบออกไปทั้งดุ้น
อืม มันควรจะเรียกว่าถูกทำลายเสียจนถึงในระดับที่ไม่อาจอ่านออกได้มากกว่า
ราวกับว่ามันคือบางอย่างที่ไม่ควรมีใครล่วงรู้
เอลคาเดียนหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้น
“เจ้าสงสัยใช่ไหมล่ะ? ว่าอะไรที่เขียนอยู่ตรงนั้น? อืม ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ตอนที่เดินทางอยู่ในอบิสเช่นกัน”
ทว่าฮันซูส่ายศีรษะ
ในเมื่อเขาพอจะเดาได้ในระดับหนึ่ง
ฮิสทอรานเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งสงครามและกลยุทธ์ต่างๆ
มันคือสิ่งที่ถูกเขียนอยู่บนฮิสทอราน
และมันได้ถูกทำลายไป
ซึ่งหมายความว่ามันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
“กลยุทธ์แบบไหนกันที่ถูกเขียนลงไป?”
บางอย่างที่เผ่าพันธุ์แห่งสงครามอย่างอคารอน ที่กระทั่งปล่อยให้มีสูตรกลิ่นเบอร์เซิกเขียนเอาไว้ยังคิดว่ามันอันตรายเกินไป
อคารอนในอดีตได้สร้างวิธีการที่อันตรายแบบนั้นขึ้น
เอลคาเดียนหัวเราะ
“เจ้าก็รู้อยู่แล้ว เจ้าอาจจะค่อนข้างคุ้นเคยกับมันด้วย”
ฮันซูจ้องไปยังเอลคาเดียนที่กำลังหัวเราะและเปิดปากพูด
“… เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเธอสร้างขึ้น”
“ถูกต้อง อืม ประโยชน์แต่เดิมของมันไม่ใช่เพื่อการส่งวิญญาณออกไป และไม่กระทั่งสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสงคราม จริงๆ แล้วมันถูกทำขึ้นเพื่อ… รองรับวิญญาณ”
เอลคาเดียนเริ่มพูดเกี่ยวกับเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณให้ลึกขึ้น
หลายพันปีก่อนที่เอลคาเดียนจะปรากฏตัวขึ้น ดินแดนบนกรากอซโบราณกว่ามาก
อืม วิธีการและเทคโนโลยีสำหรับการต่อสู้ค่อนข้างจะก้าวหน้าเพราะการดิ้นรนในประวัติศาสตร์ ทว่าวัฒนธรรมของอคารอนค่อนข้างจะโบราณ
พวกเขาไม่มีวิหารหรือนักบวช
การสวดวิญญาณโดยหมอผีคือแกนกลางที่แพร่หลายไปในบรรดาอคารอน
“มันถูกบันทึกไว้บนฮิสทอรานอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าอัจฉริยะจำนวนมากจะปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลานั้น นี่คือความคิดของข้า แต่… คนคนนั้นดูจะมีพรสวรรค์มากกกว่าข้ามาก ในเมื่อพวกเขาคิดจะสร้างของแบบนั้นขึ้นด้วยเทคโนโลยีของพวกเขา ชื่อของคนคนนั้นอาจจะถูกเขียนอยู่ในส่วนที่ถูกทำลายไปตรงนั้น”
เอลคาเดียนพลันจ้องไปยังเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณที่ถูกย้ายเข้ามาในวิหาร
เครื่องจักรรูปลักษณ์คล้ายแคปซูลที่ดูเทอะทะ
มันคือผลงานชิ้นหนึ่งที่ไม่อาจจะค้นหาได้ที่ใดในประวัติศาสตร์ของอคารอน
ในเมื่ออคารอนมีความพัฒนาในด้านพันธุกรรมมากกว่าเครื่องจักร
เอลคาเดียนอดกลั้นความริษยาที่พลุ่งพล่านขึ้นมาก่อนจะเอ่ยต่อ
“จะยังไงก็เถอะ คนคนนั้นคิดว่าการส่งวิญญาณของนักรบที่กล้าหาญขึ้นไปบนฟากฟ้ามันน่าเสียดายจนเกินไป ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน”
นักรบอคารอนระดับสูงที่ช่วยเหลือในสงครามและการต่อสู้มาตลอด
ใครบางคนที่คิดว่าการที่ประสบการณ์และความรู้ของพวกเขาหายไปพร้อมกับความตายของพวกเขามันเสียเปล่าจนเกินไปได้สร้างเครื่องจักรที่หลอมรวมเอาพรสวรรค์ของพวกเขาเข้ากับพลังในการส่งวิญญาณของพวกเขา
<เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ>
เครื่องจักรที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อดึงดวงวิญญาณของนักรบที่ออกจากร่างและมีสิทธิที่จะอาศัยอยู่เคียงข้างพระเจ้ากลับมา
“อืม มันเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในด้านของผลลัพธ์ แม้ว่าความคิดจะดีมาก เทคโนโลยีในตอนนั้นก็ไม่ได้ก้าวหน้าเช่นเดียวกับตอนนี้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นอัจฉริยะแค่ไหน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือพลังงาน มันไม่เพียงพออย่างร้ายแรง เจ้าก็เห็น”
เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณใช้พลังงานมหาศาลในการทำงาน
มากเสียจนไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่พวกเขายืนอยู่ กรากอซ จะสามารถรองรับได้
ไม่ว่าจะเป็นมาร์กอชหรืออคารอนก็ไม่อาจรองรับพลังงานมหาศาลที่ต้องใช้ในการเดินเครื่องได้
ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ดูเหมือนจะฉิบหายงั้นสิ”
“ปกติแล้วนักวิทยาศาสตร์ก็เป็นแบบนี้ พวกเขารอไม่เก่งในตอนที่เป้าหมายของพวกเขาที่อยู่ตรงหน้าสามารถไปถึงได้ด้วยการข้ามเส้นธรรมดาๆ เส้นหนึ่งไป และในเมื่อศาสตร์แห่งการส่งวิญญาณครอบคลุมไปทั่วทั้งดินแดนในตอนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีกรากอซเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์… มันไม่มีอะไรที่พวกเขาจะเสีย จะยังไงก็เถอะ มันคือเหตุผลของความล้มเหลวอย่างแรก แต่พวกเขาชดเชยความผิดพลาดนั้นได้ พวกเขาสามารถตั้งมันขึ้นในกรากอซทุกๆ ตัวได้ ปัญหาที่แท้จริงคือสิ่งที่สองที่เกิดขึ้น”
สาเหตุของความล้มเหลวครั้งที่สอง
ฮันซูเองก็รู้ว่ามันคืออะไร
ในเมื่อมันคงไม่มีความจำเป็นให้พวกเขาต้องทำลายข้อมูลบนฮิสทอรานหากคารอนสร้างเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณสำเร็จ
“บางอย่างที่ไม่ใช่ดวงวิญญาณของอคารอนเข้ามาที่นี่งั้นเหรอ บางอย่างจากอบิส”
เอลคาเดียนแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะที่เธอมองไปยังฮันซู
“ข้าชอบเจ้าจริงๆ ฮันซู ในเมื่อข้าไม่ต้องพูดมากกับเจ้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าดีใจแค่ไหนที่เจ้าอยู่ที่นี่ตอนที่ข้ากลับมา”
เอลคาเดียนพบกับเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดเผ่าหนึ่งในขณะที่กำลังเดินทางอยู่ในอบิส
เผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายและชื่นชอบในการฉีกกระชากและกัดกินสิ่งมีชีวิตอื่น
ปีศาจ เผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่แบ่งกันครองอบิสกับมังกร เผ่า <เดคุโรม่า> ที่เป็นปีศาจชั้นต่ำ ได้บอกเธอว่ามีสมาชิกบางตนของพวกมันถูกลากไปยังบางแห่งในอดีต มีหรือที่เผ่าพันธุ์อ่อนแอที่ลากดวงวิญญาณของพวกมันไปจะกระทั่งสามารถสร้างร่างกายให้พวกมันได้
ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอาหาร
และเอลคาเดียนรู้ว่าใครคือเผ่าพันธุ์อ่อนแอที่พวกมันเรียก
“… พวกที่ถูกเรียกมาในวันนั้นกินร่างของอคารอนภายในเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ”
ปีศาจระดับต่ำหมายความว่าระดับของดวงวิญญาณของมันสูงเกินกว่าที่อคารอนจะสามารถเทียบเคียงได้
ดวงวิญญาณของเดคุโรม่าดัดแปลงร่างกายที่มันยึดครองจนเกือบถึงจุดที่เรียกได้ว่าทำลายทิ้ง
ปีกเหล็กแปดปีกสยายออกจากแผ่นหลังของมันพร้อมกับที่พิมพ์เขียวของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาเพื่อการต่อสู้ที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงวิญญาณของพวกมันแผยโฉมออกมาในโลกโดยมีร่างกายของอคารอนเป็นพื้นฐาน
ร่างกายได้มีสีเข้มขึ้นพร้อมกับที่ร่างกายของพวกเขาขยายขึ้นหลายเท่าตัว
แม้ว่าวัสดุจะเหมือนกัน ผลลัพธ์จากระดับพลังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาลได้ด้วยวิธีการที่มันถูกใช้
เดคุโรม่าที่ได้ครอบครองร่างกายที่แข็งแกร่งเสียจนน่าละอายที่จะเทียบกับอคารอนเริ่มการสังหารหมู่ครั้งใหญ่บนหลังกรากอซ
และฮันซูรู้ว่าตัวตนของพวกมันคืออะไร
“… นี่คือตัวตนของทิราดัสสินะ”
เอลคาเดียนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“พวกเขาบอกวาอคารอนมากกว่าเก้าในสิบส่วนตายด้วยน้ำมือของพวกมัน พวกเขาอาจจะตายกันหมดในตอนนั้นถ้าหินปิดกั้นที่พวกเขารีบร้อนสร้างขึ้นใช้งานไม่ได้”
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในเมื่อเขาเองก็พอจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น
‘… ทำไมส่วนนี้ถึงไม่ถูกเขียนลงไปในผลึกความทรงจำ?’
ทิราดัส ที่พวกเขาใส่หินปิดกั้นเข้าไปในร่างอย่างยากลำบากแม้ว่าจะเสียสละตนเองได้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวและสูญเสียท่าทีดุร้าย ทว่าก็ยังคงมีสติอยู่
ดังนั้นแล้วพวกมันจึงเริ่มป้องกันเครื่องเคลื่อนย้ายดวงวิญญาณที่เป็นทางกลับของพวกมัน
หนึ่งตนต่อหนึ่งเครื่อง
อคารอนทำลายเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณที่เหลือที่ไม่ถูกป้องกันโดยพวกนั้นทั้งหมด ทว่าพวกเขาไม่อาจเอาชนะทิราดัสได้หลังจากที่ทำลายไปได้เครื่องหนึ่งในสภาพปางตาย ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงเลือกตัวเลือกที่ดีกว่าอีกตัวเลือกหนึ่ง
ทำลายหลักฐานและประวัติศาสตร์ทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่มีใครอื่นที่ต้องการเครื่องจักรเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น
เอลคาเดียน ที่ได้รับความลับทั้งหมดนี้แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันถูกสร้างโดยบรรพบุรุษของเธอที่ทำลายบันทึกทั้งหมดออกจากฮิสทอรานแย้มยิ้มขณะเอ่ยพูด
“นี่คือตอนจบของเรื่องราว ตอนนี้เจ้าพอจะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าของขวัญของข้าคืออะไร?”
ฮันซูเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เธอบอกฉันเองว่ามันคืออะไร เธอบอกว่าทั้งหมดนั่นถูกเขียนลงในฮิสทอรานเพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาดแบบเดิม เธอกำลังจะลอกเลียนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตรึไง?”
รอยยิ้มของเอลคาเดียนยังคงอยู่แม้ว่าจะได้ยินคำพูดโหดร้ายจากฮันซู
กลับกัน เธอได้แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งออกมาและเอ่ยตอบ
“มันเป็นปัญหาเพราะว่าบรรพบุรุษของเราล้มเหลว มันไม่มีความผิดพลาดในความคิดของพวกเขา เราสามารถเรียนรู้จากมันและแก้ไขข้อผิดพลาดที่พวกเขาสร้างขึ้น”
สาเหตุของความล้มเหลวครั้งแรกคือปริมาณพลังงานมหาศาล
มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเอลคาเดียนอีกต่อไป
ในเมื่อตอนนี้เธอสามารถใช้ความรู้ที่เธอได้รับจากอบิสมาเป็นพื้นฐานและทำให้เครื่องเคลื่อนย้ายดวงวิญญาณมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมนับร้อยเท่าได้
มันไม่มีอะไรให้กลัวเช่นกันในเมื่อยารักษาภัยพิบัติแห่งความตายได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว
สาเหตุของความล้มเหลวครั้งที่สองคือความล้มเหลวในการควบคุมดวงวิญญาณที่พวกเขาเรียกมา
“มันมีแผนการรองรับเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าเรารวมมงกุฎแห่งหนาม ความรู้ที่ข้าได้รับมาจากอบิส รวมทั้งข้อมูลจากการค้นคว้าหินปิดกั้น… เราก็จะสามารถควบคุมพวกมันได้อย่างง่ายดาย”
ถ้ามันสำเร็จ พวกเขาก็ไม่ได้ควบคุมเพียงแค่อคาดัส
แต่พวกเขาจะสามารถควบคุมทิราดัสได้
เอลคาเดียนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตื่นเต้นสุดขีด
“กองทัพอันทรงพลังที่พวกเราไม่อาจแม้แต่จะฝันจะถูกสร้างขึ้น เจ้าก็น่าจะรู้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะมีปริมาณมาก พวกเขาก็ยังคงอ่อนแอ พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะเอาชนะอคารอนได้ถ้าเราสู้กันในตอนนี้ นี่คือสาเหตุที่ลูกน้องของเจ้ากำลังกังวลเช่นกัน”
เอลคาเดียนดึงสาเหตุของความกังวลของกวานแจออกมาขณะที่เธอเอ่ยต่อ
“แต่ข้าอิจฉาในจำนวนของพวกเจ้านัก พวกเรา อคารอน มีจำนวนเหลืออยู่น้อยนัก แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดไปเป็นทิราดัสได้? ฮี่ฮี่”
แม้ว่ามันจะมีความแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่างอคารอนและมนุษย์ มันก็ไม่มีอะไรต่างกันมากนักระหว่างมนุษย์และอคารอนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยดวงวิญญาณของเดคุโรม่า
เหมือนกับที่เลข 5 กับ 1 มันต่างกันมากแค่ไหน แต่เลข 105 กับ 101 ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น
พลังของกองทัพนี้จะน่าหลงใหลมากกว่าแค่การที่มีจำนวนมาก
‘เจ้าน่าจะเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากแค่ไหนในตอนนี้’
เธอไม่ได้เอ่ยมันกับอคารอนอื่นๆ
ในเมื่อพวกเขาจะเริ่มเป็นกังวลกับทุกๆ อย่างที่พวกเขาจะสามารถกังวลได้
การตอบสนองเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนในเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่ฮันซูจะต่างออกไป
ทว่าตรงข้ามกับที่เอลคาเดียนหวัง ฮันซูส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ของขวัญแบบนั้น… ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
‘อย่างที่ฉันคิด… เจ้านี่เองก็หลุดจากรูปแบบนั่นไม่ได้มากเท่าไหร่’
ความกลัวของฮันซูได้กลายมาเป็นความจริง
ทุกคนจะเริ่มบ้าคลั่งในสิ่งหนึ่งหลังจากที่เดินทางไปทั่วอบิส
พลัง
ทว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นของฟรีในโลกนี้ และมันมีความเสี่ยงในการที่จะได้รับพลังมา
เหมือนกับตอนนี้
ปัญหาคือถ้าหากพวกเขาไม่มีพลังในอบิส ที่ไม่เหมือนกับเขตสีส้มที่สงบสุข พวกเขาก็มีโอกาสตายมหาศาล
ไม่ว่าความเสี่ยงที่จะได้รับพลังนั้นมาจะมากมายแค่ไหน มันก็ดีกว่าตาย
และเพราะแบบนี้ คนทั้งหมดที่เดินทางในอบิสจึงไม่เห็นความเสี่ยงแบบนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
เหมือนกับเอลคาเดียนที่อยู่เบื้องหน้าเขา
ฮันซูปฏิเสธข้อเสนอด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“มันมีอะไรมายืนยันว่าดวงวิญญาณของเดคุโรม่าจะถูกลากมาที่นี่? เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปในเมื่อการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว มันอันตรายเกินไป”
การควบคุมคือเรื่องหนึ่ง แต่มันมีอีกปัญหา
ในเมื่อเดคุโรม่าคือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่อาศัยอยู่ในดินแดนบนของอบิส
‘ทำลายเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณทั้งหมดก่อนที่จะขึ้นไป’
เขาต้องขึ้นไป
แต่เขาไม่อาจทิ้งระเบิดเวลาแบบนั้นเอาไว้ได้ในสถานที่ที่เขาจะไม่อยู่ในอนาคต
ในเมื่อที่แห่งนี้ต้องกลายเป็นหนึ่งในเจ็ดก้าวของมนุษย์
สีหน้าของเอลคาเดียนย่ำแย่ลงจากท่าทีของฮันซู
TL: กลับมาเหยียบบ้านเกิดไม่ทันไรก็สร้างเรื่องเลยไหมล่ะแม่คุณ