บทที่ 134: การติดเชื้อ (3)
ในตอนที่เอพิทรอสและคาเรนหันหลังและกำลังจะมุ่งหน้าออกไปยังพื้นที่ล่านั่นเอง
เสียงๆ หนึ่งได้เรียกพวกเขาเอาไว้
“เฮ้ ตรงนั้นน่ะ มานี่หน่อยสิ”
“หืมม?”
ความระมัดระวังตัวของเอพิทรอสทะยานขึ้นสูงเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินคนเรียกเขา
และยิ่งมากขึ้นเมื่อเห็นจำนวนของคนที่กำลังเดินออกมาจากพุ่มไม้
‘… มีเป็นร้อยเลย ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงต้องซ่อนตัวด้วย?’
คนที่ยืนอยู่หน้าสุดเห็นเอพิทรอสมีท่าทีระแวดระวังกับพวกเขาจึงเอ่ยขึ้น
“อย่าระแวงนักเลย เราแค่มายื่นข้อเสนอเฉยๆ”
“… ข้อเสนอ?”
“ใช่ ฉันอยากจะมอบโอกาสให้พวกนายด้วย”
จากนั้นชายที่ยืนอยู่หน้าสุดจึงจ้องไปยังฐานหลักของ <ยูนิตี้>
ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าใดนัก
‘หืมมม…’
เอพิทรอสเหลือบมองไปยังคนกว่าร้อยคนที่เบื้องหลังชายคนนั้น
ทุกคนล้วนระแวดระวังกันเอง
ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังเจอกันได้ไม่นาน
ซึ่งยังหมายความว่าคนเหล่านี้ก็ต่างได้รับข้อเสนอและรวมตัวกัน
‘เขามีข้อเสนอแบบไหนกัน…’
เอพิทรอสเพ่งความสนใจและเข้าไปใกล้ชายคนนั้น
“… งั้นนี่ก็คือสิ่งที่นายเชื่อมั่นงั้นเหรอ”
กวานแจพึมพำขณะที่เขามองไปยังคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลเข้ามา
ด้วยคนจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกำลังคนอีกต่อไป
และโดยเฉพาะเมื่อคนเหล่านี้สามารถควบคุมได้ง่ายขนาดนี้
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“มันก็ผ่านมาสักพักแล้วนะฮันซู นายคือ… ฮันซูใช่ไหม?”
มิฮี เพื่อนร่วมมหาลัยที่ฮันซูเคยเดินทางด้วยในตอนบทฝึกซ้อมช่วงแรกมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้น มันก็ไม่มีทางที่เธอจะลืมใบหน้าของอีกฝ่ายได้
มันก็แค่ว่าร่างกายของเขาในยามนี้มันแตกต่างจากความทรงจำของเธออย่างมาก
ร่างกายของฮันซูที่เหมือนกับนักศึกษามหาลัยทั่วไปได้เปลี่ยนไปเป็นราวกับร่างของนักอเมริกันฟุตบอล
‘อืม แบบนี้ดูดีกว่าเยอะ’
เธอไม่เคยเอ่ยมันออกมา แต่มิฮีค่อนข้างชอบผู้ชายที่ดูเหมือนสัตว์ป่ามากกว่า
ฮันซูผงกศีรษะขณะที่เขามองไปยังมิฮีที่หน้าแดงเล็กๆ
“ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ เธอนำทีมแรกมาเหรอ?”
มิฮีผงกศีรษะ
“ดูเหมือนว่าฉันจะค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการจัดการคน และคนอื่นๆ ก็เป็นคนใช้กำลัง ฉันกระทั่งนำ <เอดิเฟียร์> มาด้วย”
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในเมื่อกำลังคนขึ้นมาแล้ว การสร้างความมั่นคงก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้นมาก
แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอกว่าคนในเขตสีส้มมาก มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ในเมื่ออคาดัสคือผู้ที่ใช้กำลัง และคนเหล่านี้ต้องทำเพียงแค่คอยเฝ้ามอง
และเมื่อวิหารถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ คนที่ขึ้นมาจากด้านล่างจะได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายก่อน ดังนั้นมันจึงจะไม่เป็นปปัญหามากนัก
ช่องว่างระหว่างพวกเขาและคนที่อยู่ในเขตสีส้มจะลดน้อยลงในเวลาสั้นๆ
มิฮีแตะอคาดัสสีเงินราวกับว่ามันน่าสนใจอย่างมาก
“เจ้าพวกนี้จะเป็นคนช่วยพวกเรางั้นหรือ? ดูเหมือนนายจะได้อะไรแปลกๆ มาจากที่นี่นะเนี่ย”
ต้นไม้โลกนับว่าน่าดึงดูดเช่นกัน แต่นี่มันก็น่าสนใจพอๆ กับต้นไม้โลก
สิ่งมีชีวิตเพื่อการต่อสู้ที่เคลื่อนไหวด้วยตัวมันเอง
‘ฉันไม่รู้ว่าใครสร้างมัน แต่มันน่าสนใจจริงๆ’
ในตอนนั้นเอง อคาดัสสีเงินทั้งสามที่ยืนนิ่งก็ส่งเสียงออกมาขณะที่มันมองไปยังมิฮี
มิฮีผงะไปกับการเคลื่อนไหวกะทันหันนั้นและถอยหลังออกมา
ก่อนจะเอ่ยถามฮันซู
“นี่มันปลอดภัยใช่ไหม?”
กวานแจเอ่ยตอบแทน
“มันอาจจะเป็นอย่างนั้นน่ะคุณ ในเมื่อพวกอคารอนจากไปหลังจากที่มอบอำนาจบางส่วนให้กับฮันซู”
ทารูโฮลที่มีมงกุฎแห่งหนามมีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นเขาจึงมอบคำสั่งที่บอกให้ทำตามคำสั่งของฮันซูเอาไว้ก่อนที่จะแยกตัวไป
ตราบเท่าที่ฮันซูไม่เสียสติ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในตอนที่มิฮีถอนหายใจอย่างโล่งอกนั้นเอง
พรึ่บ พรึ่บ
พิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมายังกวานแจ
และสีหน้าของกวานแจก็เลวร้ายลงไปชั่วขณะ ทว่าไม่ช้าก็กลับไปเป็นแบบเดิม
“เดี๋ยวฉันกลับมาหลังจากที่จัดการบางอย่างเสร็จ”
จากนั้นกวานแจจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ออกมา”
กวานแจที่มาถึงยังอุโมงค์มดที่เพิ่งถูกขุดขึ้นใหม่ภายในลาร์ซาร์ค้นหาผู้ที่เรียกเขาออกมา
โดยอดกลั้นความโกรธที่ทำให้เขาต้องการพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายในทันทีเอาไว้
ในตอนนั้นเองที่ใครบางคนได้เดินออกมาจากความมืดอย่างช้าๆ
ชายคนเดินมาหาเขามีหน้ากากสวมอยู่บนใบหน้า
‘ไอ้เวรนี่คือใคร?’
มันยากกระทั่งมองลอดไปยังรูที่เจาะไว้เป็นดวงตาราวกับว่าอีกฝ่ายได้ทำอะไรกับหน้ากากเอาไว้
เขาไม่ได้มาคนเดียว
หนึ่งในคนที่สวมหน้ากากหัวเราะและมองไปยังกวานแจ
“โว้ว อย่าเข้ามาใกล้นัก ภรรยานายกำลังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่นะ นายยังไม่ถูกจับได้ใช่ไหม? อย่างที่พวกเราบอกนาย?”
กวานแจกัดฟันกรอดขณะที่เขามองไปยังภรรยาของเขาที่ถูกจับไว้โดยผู้ชายคนหนึ่งขณะที่หมดสติ
“ฉันดูจะง่ายสำหรับพวกนายเลยนะ?”
“จริงๆ ก็ไม่ ใครจะคิดว่าระดับมาร์กอชรับมือได้ง่ายๆ กัน?”
“…”
“มันก็แค่นายคือคนเดียวที่อยู่ใกล้ๆ และพวกเราสามารถจับใครสักคนเป็นตัวประกันได้ นายก็รู้นี่ว่ามันเหลือคนอีกไม่มากหรอกที่ยังมีสิ่งที่พวกเขารักมากกว่าชีวิตตัวเองน่ะ?”
“… นายฝ่าการป้องกันเข้าไปได้ยังไง?”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อุวะฮะฮ่าฮ่า! นายคิดเหรอว่ามีคนแค่ไม่กี่คนที่เกลียดแผนการบ้าๆ ที่เจ้าคนที่ชื่อฮันซูที่นายติดตามอยู่คิด?”
มันย่อมมีคนที่เสียประโยชน์และคนที่ได้รับประโยชน์เมื่อกฎถูกสร้างขึ้น
คนอ่อนแอที่ทรมานจะได้รับประโยชน์มหาศาล
และนักล่าจะเสียประโยชน์อย่างมากในเมื่อพวกเขาจะไม่อาจใช้พลังของพวกเขาได้อย่างที่ต้องการ
และคนที่กวานแจเชื่อใจให้ป้องกันภรรยาของเขาย่อมเป็นคนในระดับนักล่า
“… พวกนายต้องการอะไร พวกนายคิดเหรอว่าจะสามารถล้มกระดานได้ด้วยแค่ฉันคนเดียว?”
ชายสวมหน้ากากหัวเราะ
“ไม่มีทาง ฉันก็รู้เหมือนกัน เราจะไปเอาชนะอคาดัสได้ยังไงล่ะ”
อคาดัสคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่อาจออกไปสู้ซึ่งๆ หน้าได้
ในเมื่อความทรงจำเกี่ยวกับอคาดัสที่แทบจะสังหารหมู่นักผจญภัยทั้งเขตสีส้มยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของพวกเขา
“งั้นพวกนายต้องการอะไร?”
“ข้อมูล”
“…อะไรนะ?”
“อย่ามาเล่นลิ้น”
ชายคนหนึ่งเลื่อนมีดเข้าไปใกล้คอของภรรยาของเขา มิฮยาง มากขึ้นอีกเล็กน้อย
จากนั้นจึงพึมพำ
“นายคิดว่าเราโง่รึไง? เจ้าพวกอคาดัสนั่น อะไรที่ควบคุมเจ้าพวกนั้นอยู่”
ชายคนนั้นค่อนข้างกระตือรือร้นกับสถานการณ์จนถึงตอนนี้
อคาดัสที่บ้าคลั่งได้สงบลงทันทีที่ฮันซูและอคารอนไปถึงบางแห่งและลงมือทำอะไรบางอย่าง
พวกมันไม่ได้แค่หยุด ทว่ายังไปทำตามคำสั่งของอคารอนด้วยตนเอง
‘ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อฉันได้ครอบครองมัน งั้นฉันก็จะมีพลังมากพอ’
พลังที่จะจัดการฮันซูที่พยายามจะกดขี่พวกเขาด้วยพลังมหาศาลจนดูไม่ยุติธรรม
ไม่สิ มันจะเป็นมากกว่านั้น
คนที่มีพลังนั่นจะกลายเป็นราชาคนใหม่
กวานแจมองไปยังชายคนนั้นอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ทำไมนายต้องทำแบบนี้? แบบกะทันหัน?”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็นพร้อมเอ่ยขึ้น
“นายไม่รู้เหรอ? ดูที่ไอ้เวรเสียสตินั่นทำสิ เรากำลังมีชีวิตอยู่อย่างดีๆ กฎใหม่ต้องถูกสร้างขึ้นในโลกใบใหม่ เราอาศัยอยู่ในอีกโลกมามากกว่าห้าปีแล้ว นี่เป็นเรื่องปกติและมันคือวิถีชีวิตที่เราควรจะทำตาม แต่ไอ้บัดซบที่ไม่แม้แต่จะเยี่ยมหน้ามาที่นี่ถึงปีกลับพยายามจะฝึกพวกเรา”
กวานแจกัดฟันกรอดขณะที่เอ่ยขึ้น
“เราไม่เคยบังคับให้พวกนายเข้าร่วม”
“เขามีของดีและกำลังบอกว่าเขาจะมอบมันให้กับพวกที่ติดตามเขาเท่านั้น ไม่ใช่ว่านั่นก็คือการพยายามฝึกพวกเรารึไง? ไม่ใช่ว่าปกติแล้วคนก็ทำแบบนี้ตอนที่ฝึกหมาเหรอ? ว่าให้ทำตามคำพูดของพวกเขาในเมื่อพวกเขามีของอร่อยน่ะ?”
“…”
“เขาพยายามจะฝึกหมาป่าที่อาศัยอยู่อย่างสบายด้วยตัวมันเองให้กลายเป็นหมา ไม่ใช่ว่าเราก็มีสิทธิที่จะกัดกลับสักครั้งเป็นอย่างน้อยเหรอ? เราทำผิดรึไง?”
“…ไอ้เสียสติเอ้ย”
“โว้ว คำพูดนายรุนแรงเกินไปแล้ว”
ชายคนนั้นวางคมมีดไปบนลำคอของภรรยาของกวานแจ
กวานแจแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาขณะที่มองชายคนนั้น
ในเมื่อชายคนนั้นกำลังก้าวข้ามจุดที่ไม่อาจหันหลังกลับ
“…ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด มีแค่ฮันซูที่รู้คำตอบ”
“คังฮันซู?”
“เขาไม่ได้บอกฉันทุกอย่างเหมือนกัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่ได้ตามเขาไปในระหว่างการต่อสู้ซะหน่อย”
ชายคนนั้นผงกศีรษะ
“แต่มันชัดเจนว่าเขามีวิธี ทำไมอคารอนถึงเป็นพันธมิตรกับฮันซู? พวกนั้นไม่มีเหตุผลให้กลัวฮันซูซะหน่อยถ้าพวกนั้นมีอคาดัส”
“… หืมมม ดูเหมือนว่าเราต้องจับหมอนั่น”
กวานแจมองไปยังชายที่กำลังพูดอย่างสบายๆ ก่อนจะแสยะยิ้ม
“นายคิดเหรอว่านายจะทำสำเร็จ? เขามีกองทัพใหม่ ผู้ที่มาจากข้างล่าง เขายังมีอคาดัสด้วย”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็น
ทำไมเขาต้องกลัวพวกหน้าใหม่ที่เพิ่งขึ้นมาด้วย?
แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจจะทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้ามองได้ พวกนั้นก็แค่ลูกไก่ที่เพิ่งขึ้นมาจากเขตสีแดง
“เราจะจัดการอคาดัส ดังนั้น… นายก็แค่ต้องทำตามที่เราบอกให้นายทำ”
อคาดัสน่ากลัว
แต่เมื่อพวกเขาจับตัวราชาที่เรียกว่าฮันซูได้ มันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป
ฮันซูอาจจะสร้างกองทัพของเขาขึ้นในเขตสีแดงในเมื่อตัวเขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน
“อย่ากังวลนักเลยคุณกวานแจ มันมี… คนค่อนข้างมากที่เห็นด้วยกับเรา คุณก็แค่ต้องช่วยพวกเรา”
ผู้คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
จากคนที่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกิลด์สู้ผู้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในกิลด์และกำลังมองหาโอกาส
คนเหล่านั้นทั้งหมดได้เข้าร่วมในครั้งนี้
‘มันต้องเป็นดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ’
ชายคนนั้นหัวเราะอยู่ใต้หน้ากาก
กวานแจกัดฟันทว่าก็ส่ายศีรษะ
“ไสหัวไปไอ้บ้า นายคิดเหรอว่าฉันโง่?”
เขาไม่รู้ว่าคนมากมายแค่ไหนจะตายถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของไอ้หมอนี่
และมันไม่มีอะไรยืนยันว่าภรรยาของเขาจะถูกปล่อย
ในเมื่อพวกนั้นรู้ว่าพวกมันจะถูกกวานแจฆ่าทันทีที่เธอถูกปล่อย
และการทรยศฮันซูหลังจากที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมาก
ชายคนนั้นทำเพียงยักไหล่
“แย่จัง… ฉันเดาว่าเราคงต้องทำตามวิธีของเรา”
ฮันซูผงกศีรษะขณะที่เขามองไปยังกิลด์ที่ถูกจัดการทีล่ะขั้น
‘ฉันน่าจะลดเวลาในการขึ้นไปได้มากขึ้นถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป’
เขาจะสามารถคัดกรองพวกที่ต่อต้านเขาออกไปได้ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนี้ต่อไป
‘แต่มันก็ช้าอยู่ดี’
มันยังคงต้องใช้เวลามากหากเป็นแบบนี้ต่อไป
ในตอนนั้นเอง พิราบสื่อสารของกวานแจได้บินไปหาฮันซู
พรึ่บ พรึ่บ
<มานี่ ฉันคิดว่าฉันเจอประตูมิติแล้ว แต่มันมีกลไลแปลกๆ ฉันส่งมันมาหานายเผื่อว่านายจะรู้อะไรบางอย่าง>
“หืมม”
ฮันซูผงกศีรษะกับข้อความของกวานแจขณะที่เขาทะยานไปยังทิศทางที่พิราบสื่อสารมา
ฮันซูพาร่างของเขาไปยังชายขอบของลาร์ซาร์ ก่อนจะเข้าไปในบริเวณที่มีคนจำนวนค่อนข้างมากอยู่
เขายังเห็นคนจำนวนหนึ่งที่เคยอยู่ในกิลด์รีโรรีโรเรและย้ายมากิลด์ยูนิตี้
ฮันซูผ่านคนเหล่านั้นไปขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งลึกที่กวานแจส่งพิราบสื่อสารมา
วินาทีที่เขาหยุดลงที่ตำแหน่งที่นัดกันไว้นั้น
กิ้งงงง
มิติรอบกายของฮันซูเริ่มที่จะบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
ค่ายกล
สกิลพิเศษสีส้มที่ยากจะได้ครอบครอง
ค่ายกลนับสิบได้โอบล้อมร่างของฮันซู
กำแพงหลายชั้นถูกสร้างขึ้นและอากาศเริ่มถูกแยกออก
แคว่กก
สภาพแวดล้อมโดยรอบพลันเปลี่ยนไปในทันที
จากแผ่นหลังของลาร์ซาร์สู่บางแห่งที่คุ้นเคยอย่างมาก
‘ที่นี่มัน…’
ฮันซูขมวดคิ้ว
“เป็นยังไงล่ะ? ความน่าตื่นเต้นแบบใหม่? เรามีคนที่เชี่ยวชาญค่ายกลมากๆ อยู่ฝ่ายเรา เราเปลี่ยนมันเป็นภาพที่ประทับใจนายมากที่สุดเท่าที่นายเคยเห็นมา”
ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่เขาพูด
‘จะยังไงก็เถอะ… มันมีที่แบบนี้อยู่ในเขตสีแดงหรือบทฝึกซ้อมด้วยเหรอ?’
ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฮันซูหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังชายคนนั้น
“มันก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยจริงๆ”
สมบัติของเผ่าพันธุ์มังกรทองที่ทำให้เขาสามารถย้อนกลับมายังอดีตได้
ฮันซูมองไปรอบๆ วิหารมังกรที่มีสมบัติตั้งอยู่
และไปยังผู้คนที่เดินเข้ามาจากรอบๆ
เป็นจำนวนค่อนข้างมากในการที่เขาจะฆ่าด้วยตัวคนเดียว
ชายคนนั้นหัวเราะขณะที่เขามองไปยังฮันซูที่มองไปรอบๆ
“นายไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่? การปกปิดตัวตนได้อย่างสมบูรณ์มันเป็นไปได้ถ้านายใช่ค่ายกลอย่างเหมาะสม พยายามเรียกพวกอคาดัสมาสิ มันจะสนุกก็ต่อเมื่อเรามีคนเท่าๆ กันเท่านั้น”
ฮันซูเหลือบมองไปยังค่ายกลก่อนจะอ่านคลื่นมานา
ค่ายกลที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนเหล่านี้ไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไป
‘พวกเขาตั้งมันได้ค่อนข้างดี’
มันไม่ใช่บางอย่างที่เป็นไปได้แค่การมีค่ายกลจำนวนมาก
มีใครบางคนที่เชี่ยวชาญในการควบคุมแกนกลางอย่างมากอยู่
จากนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ
ความกระหายเลือด
ความเกลียดชังและโกรธแค้น
ความละโมบ
เขาเข้าใจได้ว่าความโกรธและความละโมบนั้นมาจากที่ใด
‘ฉันไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ฉันทำจะเป็นที่รังเกียจขนาดนี้’
ฮันซูหัวเราะอยู่ภายในใจ
เวลาที่คนเหล่านี้ใช้ที่นี่อย่างมากคือเจ็ดปี
แต่พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกจริงมาอย่างน้อยยี่สิบปี
มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปค่อนข้างมากในเวลาเจ็ดปีนั้น
“อืม มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น มันไม่ได้มีมากเท่าที่ฉันคิด”
“…อะไรนะ?”
“ฉันคิดว่ามันจะมีคนเกลียดฉันมากกว่านี้อีกเยอะ”
“ฉันไม่คิดว่านายเข้าใจนะว่านายอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ด้านนอกคงจะวุ่นวายไปหมดแล้ว”
หนึ่งในผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นเดินออกมาและแสยะยิ้ม
“แต่คุณ มันจริงไหมที่ว่าคุณไม่ฆ่าใครเลย? เอาจริงเหรอ? หลังจากที่สืบไปนิดหน่อย มันดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยฆ่าใครเลย งั้นทำไมคุณถึงมาคนเดียวกัน?”
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น
“ฉันเชื่อในตัวเอง และนโยบายมันเปลี่ยนไปนิดหน่อย”
“อะไรนะ?”
“ฉันเพิ่งเปลี่ยนนโยบายของฉันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันรู้สึกว่าฉันควรจะทำอะไรตรงๆ มากกว่านี้อีกหน่อย”
ตูมมมม!
“อ๊ากกกก!”
“การลอบโจมตี!”
วินาทีที่ฮันซูถูกจับไปในค่ายกล ระเบิดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นรอบๆ
ตูมมมมม!
ตูมมมม!
นักผจญภัยที่เชื่อมั่นในอคาดัสถูกกวาดออกไปกับการจู่โจมกะทันหันของนักผจญภัยระดับสูง
อคาดัสอาจจะลงมือหากนักผจญภัยพยายามจู่โจมอคารอน แต่พวกมันไม่ทำอะไรเมื่อพวกเขาโจมตีมนุษย์คนอื่นๆ
ในเมื่อฮันซูได้จำกัดพวกมันเอาไว้เผื่อว่าจะเกิดความรุนแรงมากเกินไป
ชายที่มีหน้ากากอยู่บนใบหน้าแสดงสีหน้าพึงพอใจอย่างมากออกมาเมื่อเขาเห็นภาพนั้นจากด้านบน
‘ดูเหมือนว่าคำสั่งของฉันจะถูกส่งต่อไปในค่ายกลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่’
“ฮี่ฮี่ เล่นกับพวกเขาในนั้นไปสักหน่อยแล้วกัน”
ชายที่ลักพาตัวภรรยาของกวานแจหัวเราะขณะที่เขามองไปยังลูกแก้วสีดำที่สร้างค่ายกลนับสิบชั้นขึ้นห่างออกไป
‘เป็นพวกที่ค่อนข้างโลภเลยนะ’
ผู้คนถลาออกมาและสู้กันเองเพื่อเข้าไปในค่ายกลเมื่อพบว่าฮันซูมีพลังของราชา
มันไม่ได้แปลกขนาดนั้นในเมื่อผู้ที่จัดการฮันซูได้ดูเหมือนจะได้รับมัน
‘อืม มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะชนะ’
ชายสวมหน้ากากมองไปยังข้างๆ เขาและเอ่ยขึ้น
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนใช่ไหม?”
ผู้ใช้ค่ายกลนับสิบล้วนผงกศีรษะ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นด้านใน เขาจะไม่อาจออกมาได้
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก
“ดี ดี งั้นตอนนี้เราก็จัดการคนสวยที่ขึ้นมาจากด้านล่างนั่นกันเถอะ ขัดขืนก็ฆ่า”
ตัดแขนขาออกหลังจากที่จับหัวได้
ในเมื่อพวกเขาจับคนที่สามารถสั่งอคาดัสเอาไว้ได้แล้ว อคาดัสก็จะไร้ประโยชน์ไปพักหนึ่ง
ชายคนนั้นส่งข้อความไปยังเหล่าผู้ใช้ค่ายกล
<ในเมื่อมันจะเกิดการต่อสู้ขึ้นค่อนข้างมากด้านใน ระเบิดค่ายกลหลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่งแล้วฆ่าพวกนั้นให้หมด>
เหล่าผู้ใช้ค่ายกลต่างผงกศีรษะ
พลังของค่ายกลจะไม่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากแค่เพียงเพราะค่ายกลสองค่ายถูกวางซ้อนกัน
มีเพียงแค่ค่ายกลถูกวางไว้อย่างดีและเสริมกันและกัน เมื่อนั้นพลังจึงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
พวกเขามีคนแบบนี้นับสิบ
พวกเขาสามารถจับใครก็ได้เอาไว้ตามที่พวกเขาต้องการ
‘ดี’
ขณะที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ชายคนนั้นก็แสดงสีหน้าพึงพอใจอย่างมากออกมา
ในตอนนั้นเอง
ครึ่กกก
แกนกลางของค่ายกลที่ชายคนนั้นกำลังมองอยู่ ลูกแก้วสีดำ พลันสั่นสะท้านและส่งเสียงออกมา
ชายคนนั้นขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น
“ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งกระตุ้นมัน ใช้มันตอนที่เขาอ่อนแอกว่านี้หน่อย”
หากมันถูกกระตุ้นเร็วเกินไป งั้นคนด้านในก็อาจจะร่วมมือกันต่อต้าน
ในตอนนั้นเองที่ผู้ใช้ค่ายกลแสดงสีหน้างุนงงออกมา
“เราไม่ได้ทำ”
“อะไรนะ?”
แคร่กก แคร่กกกก
ในระหว่างที่ชายคนนั้นกำลังตื่นตะลึง แรงสั่นสะเทือนของลูกแก้วสีดำก็ยิ่งรุนแรง
“ไอ้ฉิบหาย! ระเบิดมันสิวะ!”
ในตอนที่ชายคนนั้นตะโกนนั้นเอง
แคร่กกก
รอยแตกปรากฏขึ้นบนผิวของลูกแก้วที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
และแสงสีทองได้ปรากฏขึ้นจากรอยแยกนั้น
จากนั้นการระเบิดครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
ตูมมมม!
“บัดซบเอ้ย!”
ชายคนนั้นป้องกันศีรษะของเขาด้วยแขนทั้งสองข้างขณะที่สบถออกมา
และฮันซูเดินออกมาจากลูแก้วที่ระเบิดออก
ไม่สิ เขาไม่ใช่แค่คนเดียวที่ออกมาจากลูกแก้ว
“ว๊ากกกกก!”
หนึ่งในผู้ใช้ค่ายกลกรีดร้องออกมาเมื่อเขาเห็นเศษชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์นับพันชิ้น
ชายคนนั้นกัดฟันกรอดเมื่อเห็นภาพนั้น
“ไอ้เวรเสียสติ… นี่นายฆ่าคนมากขนาดนั้นจริงๆ…”
ชายคนนั้นพึมพำขณะที่มองไปยังฮันซูที่เดนออกมา
“ฉันไม่ได้มาแบบไม่เตรียมตัวซะหน่อย นายก็เห็น”
ฮันซูเยือกเย็นลงขณะที่มองไปรอบๆ
ทะเลเพลิง
ความสูญเสียเพิ่มมากขึ้นเพราะการโจมตีกะทันหัน
ฮันซูจ้องไปยังชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาที่กำลังมองเขาด้วยความสบสัน
แมงวัน
ก็แค่แมงวัน
คนพวกนี้เป็นแค่แมงวันที่กวานแจเอ่ยถึงและเป็นกังวล
ไอ้ตัวที่จะไปร่อนลงบนชิ้นเนื้อ วางไข่ แล้วก็ทำให้มันเน่าเพื่อที่สิ่งอื่นๆ จะไม่อาจกินมันได้
‘ความเป็นไปได้ที่ไร้ที่สิ้นสุดของมนุษย์ ฉันไม่สนใจไอ้เรื่องไร้สาระนั่นหรอก’
สิ่งสำคัญคือเขาจะสามารถรวบรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวได้เร็วมากขึ้นเมื่อเขาจัดการคนพวกนี้ได้
การที่คนที่เขาต้องใช้เวลามหาศาลในการคัดกรองออกมาเองกันหมดแบบนี้
‘ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงเร็วๆ นี้’
ชายคนนั้นมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าหวาดกลัว ทว่าก็หัวเราะออกมาอย่างมั่นใจเมื่อเขาคิดถึงบางอย่าง
“มันมีเพื่อนนายไม่น้อยที่ถูกจับในระหว่างที่นายอยู่ในนั้น นายควรจะคิดถึงเพื่อนของนายหน่อยนะ งั้นฉันฆ่าพวกนั้นให้หมดก็ได้งั้นสิ?”
ฮันซูเลี้ยงดูคนเหล่านั้นมาอย่างระมัดระวังด้านล่าง
และเขาก็ค่อนข้างสนิทกับผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า
อย่างน้อยเขาก็ควรจะรู้สึกอะไรกับคนเหล่านั้นบ้าง
‘นายจะโยนชีวิตคนมากขนาดนั้นทิ้งไปได้จริงๆ เหรอ?’
ฮันซูหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขามองไปยังอีกฝ่ย
“อย่าตัดสินอะไรเร็วเกินไปนัก”
“อะไรนะ?”
“นายควรจะตัดสินใจอีกทีหลังจากที่นายเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆ”
แคว่กก
“อ๊ากกกกก!”
“ดูให้ดีๆ แล้วตัดสินใจ”
ฮันซูคว้าคอของหนึ่งในผู้ใช้ค่ายกลที่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นในเสี้ยววินาที มองไปยังอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
TL: ปู่ควรจะเปลี่ยนนโยบายนานแล้ว!!