บทที่ 132 หลักฐานมัดตัว
รถจิ๊ปสีเหลืองที่มีเสี่ยวฉีนั่งอยู่ด้วย ขับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้ามาจอดใกล้กับที่ซึ่งทุกคนกำลังยืนอยู่
ในเวลานั้น เย่เฟิงปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไป และพบว่าคนขับรถคันนี้คือชายหน้ากากโครงกระดูก นั่นทำให้ความกังวลใจของชายหนุ่มอันตรธานหายไป ใช่เขาจริงๆด้วย เวลานี้ชายหน้ากากโครงกระดูกมาพร้อมกับเสี่ยวฉี ตอนนี้คงได้เวลาเปิดเผยความจริงกันแล้ว
เอี๊ยด!
ทันทีที่รถจิ๊ปหยุดลง เสี่ยวฉีก็เปิดประตูลงจากรถ และรีบวิ่งเข้ามาด้วยความร่าเริง เมื่อเห็นทั้งหลินชื่อฉิงและชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ที่นี่ หญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ชื่อฉิง ดีจังที่เธอไม่เป็นอะไร”
เสี่ยวฉีเอ่ยขึ้นมาขณะวางมือบนหน้าอก
“เสี่ยวฉีฉันเป็นห่วงเธอมากรู้ไหม?”
หลินชื่อฉิงเดินเข้ามาใกล้เสี่ยวฉี ใบหน้าของหญิงสาวมีร่องรอยของความกังวล “เธอเป็นไงบ้าง มีอันตรายเกินขึ้นกับเธองั้นหรอ?”
“ไม่หรอก ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่……”
เสี่ยวฉีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็หันไปมองชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งกำลังถูกคุมตัวไว้ด้วยทหารหน่วย NSA หญิงสาวจึงมีสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมพวกคุณถึงต้องจับตัวชายคนนี้ไว้ด้วย? เขาเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้นะ ถ้าไม่เขาละก็ แผนของไซ่เชาหงก็คงสำเร็จไปแล้ว!”
“แผนของไซ่เชาหงงั้นหรอ? รีบเล่าให้พวกเราฟังเร็ว”
ถึงแม้หลินชื่อฉิงจะรู้สึกตื่นตระหนก แต่เธอก็รีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกอย่างอยู่ในนี้แล้ว”
เสี่ยวฉีเอ่ยขึ้นขณะเปิดกระเป๋าและล้วงเอาของหลายอย่างออกมา จากนั้น หญิงสาวจึงหันไปมองเย่เฟิง เธอเอ่ยเสียงใสด้วยรอยยิ้ม “สบายใจได้ค่ะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ฉันมีหลักฐานอยู่เยอะเลย เพราะงั้นพวกเขาไม่มีทางเอาเรื่องคุณได้แน่นอน”
สำหรับเย่เฟิงแล้ว เมื่อได้ยินน้ำเสียงปลอบโยนของหญิงสาว มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นขณะคิดในใจว่าหญิงสาวคนนี้ช่างน่ารักเสียจริง
“หลักฐานพวกนี้เธอเอามาจากไหนกัน?”
หลินชื่อฉิงรับสิ่งของเหล่านั้นมา หญิงสาวรวมทั้งหลินเต๋อเทียนและธันเดอร์ จ้องมองพวกมันใกล้ๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ข้อมูลเหล่านี้ ไม่ใช่มีเพียงเศษกระดาษ มันยังมีฮาร์ดดิส USB และอีกหลายอย่าง เพียงแค่เห็นสิ่งเหล่านี้แวบเดียวก็เห็นชื่อของไซ่เชาหงระบุไว้บนนั้น นอกจากนี้ ในนั้นยังมีบันทึกแผนร้ายของเผ่ยเขิงกรุ๊ปที่กำลังดำเนินการในประเทศจีนอีกด้วย!
ใครก็รู้ว่าหลักฐานเหล่านี้ไม่ใช่รวบรวมได้แค่วันเดียว
“ชื่อฉิง เธอคงไม่รู้ว่าน้องจ้าว‘จ้าวหมิงซื่อ’น่ะ เมื่อหนึ่งปีก่อน ครอบครัวของเขาถูกคนของไซ่เชาหงฆ่าล้างยกตระกูล!”
เมื่อเสี่ยวฉีกล่าวดังนั้น สีหน้ารังเกียจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ดูน่ารัก “เพราะงั้น เขาถึงเปลี่ยนนามสกุลเพื่อตั้งใจจะแฝงตัวเข้าใกล้ไซ่เชาหง และแก้แค้นให้ตระกูล……”
ใช่จริงๆด้วย!
ทันทีที่เย่เฟิงได้ยินดังนั้น ภาพเมื่อตอนกลางวันก็แวบเข้ามาในหัวเขา ในช่วงเวลาที่สะกดรอยตามไซ่เชาหง เขาได้เห็นชายท่าทางตุ้งติ้งคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันกับไซ่เชาหงตลอดเวลา ชายคนนั้นคือหนึ่งในสมาชิกของแก๊งประตูสวรรค์ใต้!
แต่จ้าวหมิงซื่อกับชายหน้ากากโครงกระดูกไม่ได้ดูคล้ายคลึงกันเลยแม้แต่น้อย! ไม่เพียงชายหน้ากากโครงกระดูกจะมีความอดทนอันยอดเยี่ยมเท่านั้น ความคิดของเขายังละเอียดรอบคอบ เขาสามารถกุมทุกอย่างไว้ในมือได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เขารู้จักคว้าโอกาสไว้ในเวลาที่เหมาะสม ด้วยพรสวรรค์ของชายคนนี้ การร่วมมือกันเพื่อจัดการกับไซ่เชาหงจึงสำเร็จไปได้ด้วยดี
“แล้วน้องจ้าวเป็นใครกัน? ทำไมหนึ่งปีก่อน ครอบครัวเขาถึงถูกฆ่าจนเหลือแค่……”
หลินชื่อฉิงเอ่ยถามขณะเงยหน้าขึ้นมองหลินเต๋อทียนพ่อของเธอ
เวลานี้ หลินเต๋อเทียนและธันเดอร์ต่างหันมามองหน้ากันราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร “เกี่ยวกับเรื่องที่แก๊งประตูสวรรค์ใต้ถูกกวาดล้าง ช่างหน้าตกใจที่ไซ่เชาหงนั่นเอง เป็นคนสั่งการให้จุยหุนลงมือ!”
“มีไฟล์วีดีโอที่บันทึกแผนลับต่างๆของไซ่เชาหงให้อาร์ดดิสอันนี้เต็มไปหมดเลย……”
เสี่ยวฉีอธิบายข้อมูลในฮาร์ดดิส ซึ่งเป็นหลักฐานมัดตัวไซ่เชาหง!
เสี่ยวฉีอธิบายสิ่งต่างๆออกมาเรื่อยๆ ขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องที่ชายสวมหน้ากาก หญิงสาวคิดว่าหากไม่ได้ชายคนนี้ช่วยไว้ ชีวิตของเธอคงถูกไซ่เชาหงทำลายไปแล้ว
ความประทับใจที่ถูกใครสักคนช่วยชีวิตไว้นั้น ย่อมฝั่งลึกเข้าไปในจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะกับหญิงสาววัยแรกรุ่นแล้ว ชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่ต่างอะไรกับฮีโร่ที่ทำให้หัวใจอันละเอียดอ่อนของเธอ ต้องจดจำภาพของเขาฝั่งใจไม่ลืมเลือน
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาอันเปล่งประกายของเสี่ยวฉี หลินชื่อฉิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติได้ทันที หรือว่าเพื่อนของเธอจะเริ่มสนใจชายสวมหน้ากากคนนี้เสียแล้ว?
เวลานี้ หลินชื่อฉิงยังไม่รู้ว่าเสี่ยวฉีต้องพบเจอกับสถานการณ์แบบไหนมา ตอนแรก หญิงสาวถูกหลินซิวเหวินจู่โจมในห้องของเธอเอง ต่อมา เธอก็ถูกจับตัวไปที่ห้องใต้ดินของไซ่เชาหง ที่ซึ่งเธอต้องเผชิญหน้ากับตัวประหลาดทั้ง 5 ตัว เสี่ยวฉีนั้นอาศัยอยู่ในเมืองเหยียนจิงอย่างสงบสุขตลอดมา เธอไม่เคยเห็นแม้แต่การต่อสู้กันของผู้คน แต่ทันใดนั้น หญิงสาวกลับต้องพบเจอกับสถานการณ์อันน่าหวาดผวาที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ในช่วงเวลาวิกฤต เย่เฟิงในตัวตนของชายสวมหน้ากากได้ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยชีวิตเธอไว้ถึงสองครั้งสองครา แล้วแบบนี้จะไม่ให้หัวใจของหญิงสาวต้องสั่นไหวได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่ได้รู้ความคิดของเสี่ยวฉี เวลานี้ใจของเขาจดจ่อแต่การโคจรพลังตามแนวทางสุสานดาราเต็มกำลัง ตอนนี้ ระดับวรยุทธ์ที่ถูกผนึกไว้เพิ่มขึ้นเป็น 5 ปีแล้ว!
และตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมอย่างยิ่ง เย่เฟิงไม่อยากอยู่ที่นี่นานเพราะ ซูเหมิงหานกำลังรอเขาอยู่
‘เอาล่ะ!’
เย่เฟิงเริ่มหมุนเวียนเจินชี่ไปทั่วร่าง และควบแน่นไว้ที่ขาทั้งสองข้าง
ย่างก้าวไร้เงา!
ทึ่ใต้ฝ่าเท้า แรงผลักอันมหาศาลระเบิดออกมา สะบัดร่างของทหารทั้งสองนายที่กุมตัวเขาไว้ออกไป ร่างของเย่เฟิงพุ่งตัวออกไปโดยทิ้งไว้เพียงภาพติดตาเบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะหนีไปจากที่นี่ เย่เฟิงจ้องมองไปยังชายหน้ากากโครงกระดูกที่นั่งอยู่ในรถจิ๊บสีเหลือง โดยบังเอิญ ฝ่ายตรงข้ามก็มองกลับมาเช่นกันและแสดงท่าทางเชื้อเชิญ หลังจากนั้น ชายหน้ากากโครงกระดูกได้เหยียบคันเร่งจนมิด ส่งผลให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันที โดยไม่คาดคิด รถคันนี้กลับพุ่งมายังที่ซึ่งหลินชื่อฉิงและคนอื่นๆยืนอยู่!
“ระวัง!”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้สีหน้าของทุกคนที่นี่เปลี่ยนไปในทันที
พวกเขาไม่คิดเลยว่ากระสุนถึง 4 ลูก ยังไม่อาจหยุดยั้งวรยุทธ์ของชายสวมหน้ากากไว้ และชายคนนี้ยังสามารถใช้พลังชี่ภายในแสดงทักษะวรยุทธ์ออกมาได้! สิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่รู้คือเย่เฟิงนั้นไม่ได้ใช้พลังชี่ภายใน แต่เป็นเจินชี่
เหล่าทหารไม่อาจคุมตัวชายสวมหน้ากากไว้ได้ทัน และเวลานี้ ชายหน้ากากโครงกระดูกกำลังขับรถพุ่งมายังที่ซึ่งพวกเขายืนอยู่!
ทุกๆคนต่างพากันแยกตัวกระจัดกระจายออกอย่างรวดเร็วเพื่อหลบรถจิ๊บสีเหลืองที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
“หยุดมันไว้!”
ธันเดอร์รีบตะโกนสั่งการ และในเวลาเดียวกันเหล่าทหารก็รีบยกอาวุธปืนในมือขึ้นมาเพื่อหมายจะยิงใส่คันนั้น
“เดี๋ยว เดี๋ยว ห้ามยิงนะ!”
เมื่อเห็นดังนั้น เสี่ยวฉีรีบเข้าไปยืนขวางทาง ด้วยแววตาอันแน่วแน่ “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วคุณจะจับพวกเขาข้อหาอะไร?”
เมื่อหญิงสาวกระโดดเข้ามาขวาง เหล่าทหารก็ต่างมองหน้ากันอย่างตกใจ พร้อมกับคิดในใจว่า นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?”
“เสี่ยวฉี เธอ……”
หลินชื่อฉิงพูดพร้อมกับคิ้วคู่สวยที่ขมวดแน่น เมื่อมองมายังเสี่ยวฉี หญิงสาวก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างในตัวเพื่อนของเธอ หรือว่าเสี่ยวฉีจะตกลงกับจ้าวหมิงซื่อไว้ล่วงหน้าแล้ว?
หลินชื่อฉิงเข้าใจชัดเจนว่าชายหน้ากากโครงกระดูกที่อยู่ในรถคันนั้นคือน้องจ้าวหรือจ้าวหมิงซื่อ และตอนนี้ เขาตั้งใจจะเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อช่วย‘โม่จิ่วเกอ’หลบหนี จากนั้นก็ให้เสี่ยวฉีขัดขวางพวกทหารไม่ให้ไล่ตามพวกเขาได้
เวลานี้ ทุกคนรู้แล้วว่าจ้าวหมิงซื่อไม่ใช่จ้าวหมิงซื่อคนเดิมอีกต่อไป เขาคือคนที่รอดจากการกวาดล้างแก๊งประตูสวรรค์ใต้….
และในตอนนี้ ชายสวมหน้ากากทั้งสองคนรวมทั้งเสี่ยวฉีกำลังร่วมมือกัน!
ด้วยพฤติกรรมประหลาดของเสี่ยวฉี หลินชื่อฉิงครุ่นในใจอยู่พักหนึ่งพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของเพื่อนสาว ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในใจ ส่งผลให้หญิงสาวเดินเข้ามาขวางทางเหล่าทหารเช่นกัน “ปล่อยพวกเขาไปเถอะค่ะพ่อ ไม่ต้องไล่ตามแล้ว”
คำพูดของหลินชื่อฉิง สร้างความประหลาดใจให้แก่หลินเต๋อเทียนไม่น้อย เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในความคิดของลูกสาว “ทำไมวันนี้ลูกถึงดูไม่เหมือนเดิม?”
………………………………
แปลโดย: Solar Spark ,Tan Tan
TanTan:อ๊ากกกกมิไหวแล้วอยากนอนทำงานดึกมากไม่เป็นไรเรายังมีแอดมินผู้ใจดีจะมาแปลให้ท่านอ่านฝากแปลต่อด้วยแอดมินSolar Spark(T-T)เราจะซาบซึ้งที่แปลให้เราค้าง