บทที่ 127: มงกุฎแห่งหนาม (1)
ครืนนนน
รูปปั้นยักษ์ยืนอยู่ใจกลางทะเลลาวาราวกับทวีป
มันคือลาร์ซาร์ที่กำลังหลับใหล
แม้ว่าร่างของมันจะกลายไปเป็นสีดำจนหมดไม่เหมาะสมกับฉายาสิงโตขาว ท่าทีสง่างามสูงศักดิ์ของมันก็ยังคงอยู่
แม้ว่ามันจะกำลังหลับใหลลอยอยู่เหนือทะเลลาวา ขนาดของมันก็ใหญ่มากเสียจนร่างของมันไม่ถึงครึ่งจมไปใต้ลาวา
โกวววว!
กรากอซเข้าใกล้แผ่นหลังของสิงโตอย่างเชื่องช้าภายใต้การชี้นำของโอเทออน
แม้ว่ากรากอซวัวจะนับเป็นกรากอซที่ตัวใหญ่ในบรรดากรากอซด้วยกัน กรากอซสิงโตกลับใหญ่เสียจนดวงตาของมันที่กำลังหลับอยู่ได้อยู่ในระดับเดียวกับดวงตาของกรากอซวัวที่กำลังยืนอยู่
ราวกับว่ามันรับรู้ได้ว่ากรากอซวัวกำลังเข้าใกล้มัน สิงโตเพเปิดดวงตาของมันขึ้นด้วยความพยายามอย่างมากและจ้องกรากอซวัวด้วยดวงตาใหญ่โตของมัน
“…”
ทุกคนกลืนน้ำลายด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
กรากอซวัวสามารถต้านทานการโจมตีของกรากอซตัวอื่นๆ ส่วนมากได้ด้วยขนาดร่างของมันเพียงอย่างเดียว
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างออกไป
หากสิงโตนั่นที่กำลังจ้องมองมายังพวกเขาด้วยดวงตาที่ราวกับดวงจันทร์เต็มดวงฟาดพวกเขาด้วยกรงเล็บแค่ครั้งเดียว กรากอซที่พวกเขากำลังยืนอยู่ด้านบนคงจะหัวระเบิดและพวกเขาคงจะร่วงลงไปในทะเลลาวา
และสิงโตก็ยังเป็นสัตว์กินเนื้อเสียด้วย
แต่มันก็เท่านั้น
กรากอซสิงโตปิดดวงตาของมันลงอีกครั้งราวกับว่าการฝืนเปิดมันไว้สร้างความเหนื่อยล้าให้มันยิ่งนัก
“เฮ้อ…”
ในขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก ศีรษะยักษ์ของกรากอซวัวก็ได้เข้าใกล้ลำคอของกรากอซสิงโตที่กำลังหลับทับขาหน้าของมันอยู่และสัมผัสมัน
ครึ่ก
กรากอซยักษ์ทั้งสองเชื่อมต่อกัน
โอเทออนร้องไห้อย่างยินดี
เธอไม่เคยแม้แต่จะฝันว่าจะสามารถกลับมายังอาณาจักรที่พวกเธอได้ถูกขับไล่ออกมาได้อีก
“ฮือออ… ฮืออออ!”
โอเทออนและอคารอนที่กำลังร้องไห้อย่างยินดีสงบใจลงก่อนจะเริ่มตั้งสติอีกครั้ง
ในเมื่อพวกเขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้น
เอนบิ อารินขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เธอมองไปยังเหล่าอคารอนและฮันซูที่กำลังเคลื่อนไหวไม่หยุดก่อนจะเอ่ยขึ้น
“นายจะไม่รักษาพวกที่กำลังเข้ามาใกล้นั่นเหรอ? ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ งั้นพวกเราก็จะช่วยนาย”
จากนั้นเอนบิ อารินจึงมองไปยังภูเขานับสิบลูกที่กำลังเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้พวกเธอจากห่างออกไป
ไม่สิ มันคือกรากอซที่ตัวใหญ่ราวกับภูเขา
พวกที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเธอเพื่อที่จะกินกรากอซวัว
ถ้าพวกเธอไม่รักษาเจ้าพวกนั้น กรากอซที่พวกเธอกำลังยืนอยู่ก็จะถูกทำลายจากกรากอซที่เหมือนซอมบี้พวกนั้นที่กำลังเข้ามาใกล้
“มันไม่มีเวลาแล้ว”
“อะไรนะ?”
ฮันซูมองไปรอบๆ
กิลด์ครอส เอนบิ อาริน
กิลด์รีโรรีโรเร คิมกวานแจ
แอลเรียลและคนอื่นๆ ที่เป็นหัวหน้าของกิลด์ใหญ่อื่นๆ
หัวหน้าของกิลด์ใหญ่ๆ ส่วนมากอยู่ที่นี่
ฮันซูมองไปยังคนเหล่านั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มันมีบางอย่างที่พวกเธอจะต้องทำ”
“อะไรล่ะ?”
“การอพยพครั้งใหญ่ เราจะต้องนำทุกคนบนกรากอซนี้ไปยังหลังของสิงโตดำก่อนที่เจ้าพวกตรงนั้นจะมาถึง”
‘มันมีเวลาไม่พอ’
ทิราดัสหนึ่งตัวต่อเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณหนึ่งเครื่องที่เขาต้องใส่ยารักษาเข้าไป
แม้ว่าจะเป็นฮันซู มันก็ยังต้องใช้เวลาสักพักในการจัดการเจ้าพวกนั้นและรักษาหลังจากนั้น
ในขณะที่เขาฆ่าพวกมันทีล่ะตัวจนครบและรักษากรากอซ กรากอซวัวจะถูกโจมตี
‘…ดังนั้นแล้วพวกเราจะสละที่นี่ไป’
ฮันซูหยุดคิดก่อนจะมองไปยังโอเทออน
โอเทออนที่กำลังคิดว่าต้องยอมเสียสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเธอ กรากอซ ไปรู้สึกราวกับว่าภายในของเธอถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่น ทว่าเธอก็ยังคงผงกศีรษะและยอมแพ้
‘เราต้องจับโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้’
หากฮันซูไม่ได้นำกรากอซมาที่นี่ งั้นพวกเธอก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย
ทว่าสุดท้ายแล้ว กรากอซวัวก็จะล้มลงเพราะมาร์กอชที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หรือกรากอซที่ติดพิษตัวอื่นๆ
และสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนร่างของมันย่อมตายตกกันหมดอย่างแน่นอน
พวกเธอไม่อาจรั้งอยู่บนกรากอซวัวไปได้ตลอด
พวกเธอต้องเคลื่อนไหวในตอนที่ยังมีเวลา
พวกเธอต้องมีชีวิตอยู่บนสิ่งมีชีวิตอันทีงพลังที่กระทั่งกรากอซวัวก็ไม่อาจเทียบเคียงได้
“พวกเธอต้องรีบหน่อยนะ มันคงจะใช้เวลาไม่ถึงสามวันที่เจ้าพวกนั้นจะมาถึงที่นี่”
แอเรียลและเอนบิ อารินผงกศีรษะขณะที่พวกเธอเริ่มส่งพิราบสื่อสารออกไปยังหลากหลายทิศทาง
พลั่กกก
“ไอ้เจ้าโง่! อย่าผลักสิวะ!”
“อีฉิบหายเอ้ย! อยากจะมีเรื่องรึไง?”
พิราบสื่อสารนับพันที่มาจากหัวหน้ากิลด์ได้ถูกส่งไปยังลูกกิลด์ที่กำลังกระวนกระวายในเวลาเดียวกันเกือบทั้งหมด
พิราบสื่อสารที่ส่งมาจากกิลด์ใหญ่อย่างกิลด์ครอสและกิลด์รีโรรีโรเรได้ถูกส่งต่อไปยังกิลด์ระดับกลางและระดับเล็ก จากนั้นกิลด์ระดับกลางและระดับเล็กจึงส่งไปยังนักผจญภัยที่เดินทางคนเดียวที่พวกเขาเป็นเพื่อนหรือสามารถติดต่อได้
ไม่ช้า ขบวนคนขนาดยักษ์จากปลายหางของกรากอซสู่ป่าฮอร์น และตรงไปยังสิงโตดำก็ได้ถูกสร้างขึ้นในที่สุด
ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นก็ตาม
‘มันวุ่นวาย’
เอนบิ อาริน ผู้ที่เป็นผู้นำกิลด์ครอสเดาะลิ้น
ทุกคนกำลังเคร่งเครียดอย่างมากเพราะการปะทะกันของกรากอซ
เมื่อพวกเขารวบรวมคนที่โดยปกติแล้วเป็นศัตรูกันเอาไว้ด้วยกันและส่งพวกเขาข้ามไป การทะเลาะเบาะแว้งจำนวนมากจึงเกิดขึ้นไปทั่ว
และมันยังมีอีกคนที่กำลังสร้างปัญหาอยู่
“โย่ แอเรียล เธอจะไม่ควบคุมพวกเขาให้ดีๆ หน่อยเหรอ?”
“… เธออยากจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?”
แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกัน คนระดับมาร์กอชส่วนมากก็รู้จักกัน
เมื่อเอนบิ อารินที่มักจะใจดีอยู่เสมอเรียกเธอ แอเรียลก็บ่นกลับ
ในสุดสายตาของแอเรียล คนที่ได้ยึดตำแหน่งผู้นำของกิลด์โอโคเนลลี่ในขณะที่แอเรียลถูกจับ อาคอน ได้อยู่ตรงนั้น
อาคอนตะโกนออกไปจากกลางกิลด์โอโคเนลลี่
“ทำไมเธอถึงจะให้พวกเราข้ามไป? มันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเราไปที่นั่น! คุณหัวหน้าคนเก่า?”
อาคอนลอบพึมพำอยู่ภายใน
‘เราจะไปเชื่อยายคนกระจอกที่ถูกศัตรูจับได้ยังไง’
สิงโตสีดำที่อยู่อีกฝั่งไม่ได้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาวะปกติ
ผิวหนังของมันดูหมองกว่าเมื่อเทียบกับผิวหนังของสิ่งมีชีวิตที่มีสุขภาพดี ทั้งมันยังไม่มีต้นไม้เหมือนบนกรากอซวัวที่มีป่าอยู่จำนวนมาก
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือศพ
‘… บ้าเอ้ย มีคนบอกฉันว่าศพที่อดตายไม่น่าดูที่สุด’
อาคอนขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังศพที่เขาสามารถเห็นอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
ศพของมาร์กอชนับสิบที่อดตาย
ร่างกายใหญ่โตนั่นผอมแห้งเสียจนถึงจุดที่หนังของมันติดกับกระดูก
หากเจ้าพวกนั้นที่บ้าคลั่งกับการตามหาของเหลวร่างกายยังอดตาย งั้นมนุษย์ก็คงมีโอกาสไม่มากนัก
อาคอนเหงื่อแตกพลั่กขณะที่เขาตะโกนออกไปรอบๆ
“ฟังนะ! เจ้าพวกนั้นต้องคิดที่จะโยนพวกเราไปบนหลังของสิงโตดำแล้วทิ้งพวกเราไว้แน่ๆ! แล้วเราก็จะต้องอดตายที่นั่น!”
ทุกคนขมวดคิ้ว
ในเมื่อสิงโตดำนั่นดูเหมือนดินแดนที่ไร้ความหวังสำหรับพวกเขา
“… อย่างนั้นเหรอ”
“มันดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”
ทุกคนเริ่มที่จะพึมพำ
แอเรียลที่กำลังฟังอยู่ตระหนักขึ้นได้ในที่สุดว่าอะไรคือความรู้สึกเหมือนจะตายจากการที่ความดันขึ้น
ไอ้การที่หมอนั่นทำตัวแบบนี้ในตอนที่พวกเธอได้ช่วยชีวิตอีกฝ่ายและทำงานหนักมากขนาดนี้
‘ไอ้สารเลวนี่… ฉันฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ’
แต่เธอไม่กล้า
ระดับมาร์กอชไม่ได้ไร้เทียมทาน
ลูกกิลด์ที่รวมตัวอยู่ตรงนั้นคือคนที่เธอฝึกฝนมาอย่างดี
พวกเขาไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ
และคนส่วนมากกำลังคิดว่าคำพูดของเจ้านั่นมีเหตุผล
ถ้าเธอโจมตีเจ้าหมอนั่น มันก็จะเหมือนการเติมเชื้อเพลิงให้กองไฟ
‘บ้าเอ้ย… นี่มันน่าอายจริงๆ’
กิลด์อื่นๆ กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังอีกฝั่งโดยไร้ซึ่งปัญหาแม้แต่อย่างเดียว แต่ทำไมกิลด์ของเธอถึงทำแบบนี้
แอเรียลขมวดคิ้วจากนั้นจึงใช้สกิลและตะโกนออกไปเสียงดังลั่น
“ไอ้เจ้าไร้สมอง! มองไปยังพวกกรากอซที่กำลังเข้าใกล้พวกเราสิ! ยังไงพวกแกก็ตายถ้าพวกแกอยู่ที่นี่! พวกแกรู้บ้างไหมว่าไอ้พวกซอมบี้นั่นพยายามจะกินกรากอซวัวแค่ไหน? ถ้าพวกแกอยู่ที่นี่ กรากอซก็จะจมไปทั้งตัว!”
ทุกคนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ถึงแม้ว่าคนส่วนมากจะระแวงในการอพยพ มันก็มีเหตุผลในการข้ามไป
พวกเขา ‘อาจจะ’ จากความหิวโหยถ้าพวกเขาข้ามไปฝั่งนั้น แต่หากพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะตายอย่างแน่นอน
ด้วยการจมลงในลาวา
แต่มันไม่ใช่ว่าอาคอนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
อาคอนพึมพำอยู่ภายใน
‘เจ้าพวกนั้นมีวิธีในการจัดการกรากอซที่กำลังเข้ามาใกล้’
ทำไมจู่ๆ กรากอซเสือดาวถึงถอยไปจากก้นของกรากอซวัว
อคารอนต้องทำบางอย่าง
‘เจ้าพวกนั้นกระทั่งรู้ถึงวิธีการควบคุมกรากอซ… แน่นอนว่าพวกนั้นต้องรู้ว่าจัดการพวกมันยังไง’
แต่หนึ่งในคนที่อยู่ใกล้ๆ อาคอนได้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันได้ยินมาว่า… คนคนที่ทำให้กรากอซถอยไปมีแค่คนเดียว และเป็นเขาที่ให้พวกเราอพยพเพราะเขาไม่อาจรับมือกับพวกมันทั้งหมดได้”
อาคอนเดาะลิ้น
‘ไอ้เด็กไร้ประโยชน์นี่… เขาไปเชื่อไอ้คำพูดแบบนั้นด้วยเหรอ’
อาคอนชี้ไปยังภูเขาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขาจากที่ไกลๆ
“งั้นนายกำลังบอกว่าคนแค่คนเดียวเข้าไปในไอ้ตัวนั้น ทำบางอย่าง แล้วกรากอซก็ถอยไป? นายคิดว่ามันมีเหตุผลรึไง?”
“… อืม ก็จริง”
คนคนนั้นผงกศีรษะ
สิ่งนั้นไม่ใช่อะไรที่มนุษย์สามารถรับมือได้
ตรรกะของนักผจญภัยและความรู้ของอคารอนแพร่กระจายไปราวกับไฟลามทุ่ง
ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏคนที่เริ่มแยกตัวออกจากขบวน
“ไม่ใช่ว่าเจ้าพวกนี้วางกับดักพวกเราอยู่เหรอ?”
“เฮ้! งั้นพวกนายก็ไปก่อนสิ!”
ผู้คนเริ่มแยกตัวออกและรวมตัวกันโดยมีกิลด์โอโคเนลลี่เป็นจุดศูนย์กลาง
เอนบิ อารินมองภาพนั้นก่อนจะขมวดคิ้วขณะที่มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าอาจจะเกิดการปะทะกันระหว่างกิลด์ครอสและนักผจญภัยคนอื่นๆ
‘… อืม จะยังไงมันก็คงจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว’
มันเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
พวกเขาต้องจัดสินใจในสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัด
ใครจะไปต้องการสละกรากอซที่พวกเขาอาศัยอยู่มาและไปยังบนสิงโตดำที่ดูน่าสงสัยกัน?
ปัญหาคือสิ่งนี้อาจทำให้หลายพันคนต้องตาย
พวกเขาได้ดึงทุกคนออกมาจากทุกซอกทุกมุมของกรากอซ
พวกเขาก็แค่ต้องข้ามไปยังสิงโตดำ ทว่ากับไอ้การที่ปัญหามันมาเกิดขึ้นตรงนี้
‘จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ก่อนอื่นก็ฆ่าไอ้พวกนั้นก่อน…’
นี่ไม่ใช่ทางแก้ที่ดีที่สุด
ในเมื่อมันจะทำให้เกิดการสูญเสียจำนวนมาก
ทว่าวิธีการของเอนบิ อารินนั้นคือการจัดการทุกสิ่งให้รวดเร็วที่สุดจึงจะดีกว่าแทนที่จะมามัวรอเวลา
ในขณะที่เอนบิ อารินส่งพลังไปยังหมัดของเธอ มืออีกมือหนึ่งก็ได้หยุดเธอเอาไว้
“ไม่จำเป็น”
“อะไรนะ?”
เอนบิ อาริน มองไปยังฮันซูที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยสีหน้างุนงง
“… ไม่ใช่ว่านายไปที่ไหนสักที่เหรอ?”
เอนบิ อารินพึมพำขณะที่มองฮันซู
เจ้าหมอนี่บอกว่าเขาทำบางอย่างที่สำคัญ
ฮันซูผงกศีรษะ
“ฉันเตรียมบางอย่างไว้”
“…?”
“ฉันไม่มีพรสวรรค์ในการโน้มน้ามมากนัก ฉันก็เลยจะบังคับให้พวกเขาข้ามไป”
“นายทำอะไรลงไป?”
โซเฟียเอ่ยถามด้วยสีหน้ากระวนกระวายอยู่ข้างๆ
แม้ว่าเธอจะเห็นเขาทำงานของเขาตั้งแต่เขตสีแดง เจ้าหมอนี่ก็ไม่เคยทำอะไร ‘ธรรมดา’
มันคือการทำลายล้าง หรือการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่กว่า
เธอไม่รู้ว่าเขามีชีวิตมาแบบไหน แต่ว่ากระทั่งผู้ก่อการร้ายก็คงจะเป็นคนดีกว่าเจ้าหมอนี่ซะอีก
‘อืม ถ้าผลมันไม่ออกมาดี งั้นเขาก็คงเป็นแค่ผู้ก่อการร้ายนั่นแหละ’
ฮันซูยักไหล่ขณะที่มองไปยังสีหน้ากระวนกระวายของโซเฟีย
“อืม มันค่อนข้างจะเสียเปล่าถ้าเราไม่ใช้สิ่งที่เหลืออยู่”
“…?”
ในตอนนั้นเองที่กรากอซวัวเริ่มร้องออกมา
โกววววว!
และไม่ช้า กรากอซวัวก็เริ่มที่จะเอียงร่างของมันอย่างเชื่องช้า
ไปยังทิศทางที่จะกลิ้งในลาวา
“อ๊า!”
“นี่มันอะไรกัน! เกิดอะไรขึ้น!”
ทุกคนตื่นตระหนก
ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าสาเหตุของพฤติกรรมนี้คืออะไร
ทว่ากวานแจตระหนักได้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรและแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ในเมื่อเขารู้ว่าฮันซูทำอะไรลงไป
“ไอ้เวรเสียสติเอ้ย! แกรปไฟต์ที่เหลือ!”
ฮันซูผงกศีรษะขณะที่เขาตะโกนออกไปเสียงดัง
ดังพอที่ทุกคนในป่าฮอร์นจะได้ยิน
“ฉุกเฉิน! กรากอซกำลังจะกลิ้ง! หนี! เราต้องหนีไปยังสิงโตดำ!”
ตูมมมมม!
เสียงได้ดังก้องไปทั่วผู้คนที่รวมตัวกัน
และผู้คนที่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายจึงตระหนักขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
และสิ่งใดที่พวกเขาต้องทำเพื่อที่จะมีชีวิตรอด
“ว๊ากกก! บ้าเอ้ย!”
สมาชิกของกิลด์โอโคเนลลี่ อาคอนและคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันเริ่มที่จะพุ่งตัวไปยังสิงโตดำอย่างบ้าคลั่ง
และเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีชีวิตอยู่ในอีกโลกมากว่า 5-6 ปี พวกเขาได้หลบหนีไปยังสิงโตดำได้สำเร็จแม้ว่าจะมีแรงสั่นสะเทือนอยู่
‘บ้าเอ้ย พวกนี้นี่หนีเก่งจริงๆ’
ฮันซูหัวเราะขณะที่เขามองไปยังลูกกิลด์โอโคเนลลี่ที่กำลังวิ่งตรงไปยังสิงโตดำด้วยความเร็วสูง
“เราเองก็ไปกันเถอะ”
“… นายนี่บ้าจริงๆ”
“ตราบเท่าที่ผลออกมาดี”
ฮันซูมองไปยังกวานแจที่กำลังถอนหายใจขณะที่เขาคิดถึงเป้าหมายต่อไป
‘ไปยังลาร์ซาร์และเอามงกุฎแห่งหนามกลับมา’
มรดกของเอลคาเดียน มงกุฎแห่งหนาม
ทว่ามันไม่ได้มีไว้สำหรับเขา
แต่เป็นอย่างอื่นที่มีไว้สำหรับเขา
มรดกของยอดผู้นำ เมคิโด้ ที่เอลคาเดียนได้เตรียมเอาไว้
สมบัติที่ทำให้เมคิโด้ อคารอนตนหนึ่ง สามารถต่อกรกับทิราดัสและคว้าเอาชัยชนะกลับมาได้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว
ฮันซูหยุดคิดขณะที่เขาเคลื่อนไหวไปยังลาร์ซาร์
TL: คือบางทีก็ต้องคิดไงว่ามีอะไรให้คนเขาต้องลำบากวางกับดักไหมอ่ะ เหมือนสำคัญตัวผิด