บทที่ 126 กระบี่เจินชี่ สีทอง!
ก่อนจะมาที่นี่ หลินชื่อฉิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเธอจะต้องมาพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้
เดิมที หญิงสาวคิดว่าโรงงานร้างแห่งนี้จะเป็นเพียงสถานที่ซ่อนตัวทั่วไปของชายสวมหน้ากากที่ลักพาตัวเสี่ยวฉีมา เธอคิดว่าชายคนนั้นทำแบบนี้เพียงเพื่อข่มขู่ตระกูลหลิน และนัดมาที่นี่พูดคุยเงื่อนไขกัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง
ทั่วทั้งร่างของตัวประหลาดตัวนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยขนรุงรัง ร่างกายของมันผอมบางพร้อมด้วยเบ้าตาที่จมลึก แต่ยังคงไว้ด้วยความพละกำลังอันน่าเกรงขาม นอกจากนี้ ดวงตาของมันยังเปล่งแสงสีเขียวที่ดูน่ากลัว สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มันตัวอะไรกัน?
หรือว่าโรงงานร้างแห่งนี้ จะมีความลับของไซ่เชาหงและเผ่ยเขิงกรุ๊ปซ่อนอยู่จริงๆตามที่เย่เฟิงบอกไว้ก่อนหน้านี้?
หลินชื่อฉิงพยายามคาดเดาอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปล่อยให้เธอได้คิดอะไรมากนัก
ตัวประหลาดที่มีพละกำลังขนาดคว่ำรถบรรทุกได้ราวกับของเล่นตัวนี้ มันพุ่งเข้าเกือบถึงตัวหญิงสาวได้ภายในเสี้ยววินาที เธอยังได้กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนจากปากของมัน กลิ่นนี้ส่งผลให้เธอรู้สึกอยากอาเจียน
แต่ก่อนจะทันได้ลุกขึ้นยืนและวิ่งหนี ขาอันเรียวยาวของหญิงสาวก็ถูกตัวประหลาดคว้าเอาไว้
“โฮกกกก!”
ตัวประหลาดคำรามดังก้อง มันยกตัวหลินชื่อฉิงขึ้นมาและจับเธอมาไว้ด้านหน้าของมันราวกับพยายามจะใช้เธอเป็นโล่
เจ้านี่รู้วิธีใช้เธอเป็นตัวประกันด้วย!?
“อย่ายิง!”
ธันเดอร์มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที!
ตัวประหลาดพวกนี้มีพละกำลังมากพอที่จะทุบหัวลูกน้องของเขาจนแตกระเบิดออกราวกับลูกแตงโม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนั้นจะถูกลูกน้องคนอื่นของเขาสังหารไปแล้ว แต่ชีวิตของคนที่ตายไปก็ไม่อาจฟื้นคืนได้
และสถานการณ์ตอนนี้ หลินชื่อฉิงยังถูกหนึ่งในพวกมันจับเป็นตัวประกันเอาไว้!
“ชื่อฉิง!”
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้หลินเต๋อเทียนตื่นตกใจ ดวงตาของเขาหดเล็กลงเมื่อมองไปยังลูกสาว หัวใจของเขาพลันถูกบีบรัดอย่างรุนแรงจนแทบจะทนไม่ไหว
หลินเต๋อเทียนพยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยลูกสาวของเขาอย่างลนลาน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังก่นด่าตัวเองในใจที่ประมาทเกินไป หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลินชื่อฉิงละก็ เขาคงไม่อาจให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
เวลานี้ หัวใจของทุกคนเต้นแรงจนแทบจะกระโดดขึ้นไปที่ลำคอ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หลินชื่อฉิงโดยไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา
“แค่ก แค่ก…..”
พวกเขาเห็นหลินชื่อฉิงถูกตัวประหลาดมีขนบีบคอและจับยกขึ้นไปบนอากาศจนหญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ออก เธอพยายามดิ้นรนอย่างก็เนื่องแต่ก็เปล่าประโยชน์ มีหรือที่เรี่ยวแรงของหญิงสาวมหาลัยธรรมดา จะเทียบได้กับตัวประหลาดที่สามารถคว่ำรถบรรทุกได้อย่างง่ายดาย?
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงลึกลับดังก้องออกมาจากทั่วสารทิศราวกับเสียงของภูติผีปีศาจ “ไม่งั้นฉันจะให้พวกแกได้เห็นฉากสนุก จุ๊ จุ๊~ ผิวขาวเนียนแบบนี้ ร่างอันบอบบางของสาวน้อยแบบนี้ เจ้านั่นน่ะชอบของเล่นแบบนี้ที่สุดเลย แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสาวน้อยคนนี้จะทนได้นานแค่ไหน…..”
“ค..คุณเป็นใครกัน?”
หลินเต๋อเทียนถามออกไปอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ด้วยความชำนาญ เขาพยายามจะสร้างความสันติกับฝ่ายตรงข้าม หากเขาพูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิดละก็ ผลที่ตามมาอาจเกินกว่าจะคาดคิดได้
“แกไม่ต้องถามอะไร แค่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ!”
น้ำเสียงมืดมนดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันดังกว่าครั้งที่แล้ว ทันใดนั้น ตัวประหลาดก็ชูมือขึ้นก่อนจะฉีกกระชากเสื้อผ้าของหลินชื่อฉิงออกเป็นชิ้นๆ
“ทุกคนถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของธันเดอร์ซีดลง เขาตะโกนออกไปทันทีเพราะไม่อาจทนรอคำสั่งจากหลินเต๋อเทียนได้
ทหารหน่วย NSA ทุกคนที่นี่ล้วนมีปฏิกิริยากับคำสั่งนั้นทันที
“จุ๊ จุ๊ สั่งให้กองทัพที่ล้อมที่นี่ไว้ถอนตัวออกไปด้วย ไม่อย่างงั้น โชว์พิเศษของฉันจะเริ่มขึ้นทันที…..”
น้ำเสียงพร่าเลือนยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
มืออันใหญ่โตของตัวประหลาดผมยาวยังไม่หยุดลง เวลานี้ มือของมันอยู่ห่างจากหน้าอกของหลินชื่อฉิงไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร และดูเหมือนว่าอีกไม่นาน เสื้อผ้าของหญิงสาวจะถูกฉีกกระฉากออกจนหมด
หัวใจของทุกๆคนที่นี่รวมทั้งหลินเต๋อเทียน แทบจะหยุดเต้นไปในทันที หากเกิดอะไรขึ้นกับหลินชื่อฉิงละก็ ผลที่ตามมาคงเกินจะจินตนาการได้!
มันต้องการอะไร? มันอยากจะทำให้ชื่อฉิงต้องด่างพร้อยงั้นหรือ?
ทุเรศที่สุด!
ฉัวะ!
ขณะที่หลินเต๋อเทียนกำลังจะออกคำสั่งแก่หลินซิวหวู่ เพื่อให้ถอยกำลังคนออกจากที่นี่ ทันใดนั้น ลำแสงสีทองก็ฉายวาบผ่านลำคอของตัวประหลาดไป!
ในชั่วพริบตา ลำแสงกระบี่ก็ผ่าร่างของตัวประหลาดออกเป็นสองส่วน ลำแสงสีทองนั้นสว่างจ้าจนทำให้ทุกคนละลานตาไปหมด
เจ้าตัวประหลาดที่สามารถคว่ำรถบรรทุก กลับถูกกระบี่ผ่าออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย!
ตุ้บ
หลังจากถูกฟันด้วยกระบี่ ตัวประหลาดก็คลายมือออกพร้อมกับร่างของหลินชื่อฉิงที่ร่วงลงบนพื้นเบาๆ แม้หญิงสาวจะหลุดจากกับคร่ากุมแล้ว แต่มือของตัวประหลาดยังคงค้างอยู่บนอากาศ
เพียงเสี้ยววินาทีก็มากพอที่จะพลิกกระดาน ถึงอย่างนั้น ปฏิกิริยาของคนทั่วไปไม่เร็วพอจะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจ้องมองอย่างลืมตัวไปที่ชายคนหนึ่งซึ่งสวมหน้ากากใบหน้าบูดบึ้งสีขาว ขณะถือกระบี่สีทองเล่มหนึ่งไว้ในมือ
ชายสวมหน้ากาก!
แม้จะยังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แต่ก็ยังไม่มีใครคนใดเคลื่อนไหวเลยแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลินเต๋อเทียนและธันเดอร์มึนงงไปชั่วขณะ พวกเขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆที่คิดไว้ก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกไปในทันที
ชายสวมหน้ากากคนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเย่เฟิง
ขณะที่รถบรรทุกกำลังถูกตัวประหลาดพลิกคว่ำ เย่เฟิงรวบตัวซูเหมิงหานมา ก่อนจะใช้ทักษะล่องหนควบคู่กับย่างก้าวไร้เงา พุ่งตัวไปยังที่ซึ่งห่างไกลและไม่มีใครคนใดสามารถพบเจอได้
จากนั้น เพื่อรับประกันความปลอดภัยของซูเหมิงหาน เย่เฟิงได้ใช้ทักษะอำพรางให้เด็กสาวซึ่งเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครคนใดหาตัวเธอเจอได้ นอกจากนี้ เขายังบอกแก่เด็กสาวว่าห้ามออกไปจากที่นี่ไม่อย่างจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จนกว่าเขาจะกลับมา
หลังพูดจบ เย่เฟิงนำหน้ากากขึ้นมาสวมใส ก่อนจะวิ่งกลับมาที่นี่ และพบว่าหลินชื่อฉิงกำลังถูกตัวประหลาดตัวหนึ่งจับตัวเอาไว้
ชายหนุ่มลอบเข้าไปด้านหลังของตัวประหลาดขนยาวเงียบๆก่อนจะควบแน่นเจินชี่เข้าไปในแหวนกระบี่มังกรโบราณ ผลก็คือ กระบี่สีทองของเขาผ่าร่างของตัวประหลาดตัวนั้นออกเป็นสองส่วนในทีเดียว
หลังจากเลื่อนวรยุทธ์ขึ้นเป็นระดับ 10 ปี กระบี่เจินชี่ก็ของเขาก็กลายเป็นสีทองส่องสว่าง!
“เธอเป็นอะไรไหม?”
เย่เฟิงมองไปยังหลินชื่อฉิง ก่อนจะถามด้วยเสียงโทนต่ำลึก เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ขาดอากาศหายใจอยู่นานจนอาจจะหมดสติได้ ถึงอย่างนั้น โชคดีที่หลินชื่อฉิงยังคงมีสติอยู่ และพอจะรู้ว่าคนที่ช่วยเธอไว้คือชายสวมหน้ากาก
หลินชื่อฉิงตอนนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ไม่ใช่แค่เธอถูกตัวประหลาดบีบลำคออย่างแรงเอาไว้เท่านั้น กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนก็ทำให้หญิงสาวแทบจะทนไม่ไหว โชคดีที่หลินชื่อฉิงยังคงประคับประคองสติมาได้จนถึงตอนนี้
“ขอบคุณที่……”
หลินชื่อฉิงเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน”
เย่เฟิงกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ แม้เขาจะมีทักษะสัมผัสวิญญาณที่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้ไกลกว่า 100 เมตร แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พบร่องรอยอันใด น้ำเสียงอันน่าสยองขวัญก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะดังมาไกลกว่าระยะ 100 เมตร
มันคือหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดของไซ่เชาหงงั้นหรอ?
เวลานี้ เย่เฟิงมั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าที่โรงงานร้าง ต้องมีความลับของไซ่เชาหงซ่อนอยู่อย่างแน่นอน มันจึงได้ซ่อนกองทัพตัวประหลาดเอาไว้ที่นี่ เขายังเชื่ออีกว่าผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นๆต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน
“คนๆนี้อยู่ฝั่งเดียวกับเรา”
หลินเต๋อเทียนรู้สึกลำคอแห้งผากเมื่อเห็นชายสวมหน้ากากประคองลูกสาวของเขาเอาไว้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่กล้าประมาท หลินเต๋อเทียนตะโกนถามเสียงดัง “โทษทีนะ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้……”
วืด! วืด! วืด!
ทันใดนั้นเย่เฟิงมีปฏิกิริยาทันทีเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พุ่งเข้ามาในระยะการรับรู้ของทักษะสัมผัสวิญญาณ ไม่นานนัก ประกายของใบมีด 3 เล่มก็พุ่งเข้ามา อาวุธลับเหล่านั้นพุ่งไปยังร่างของหลินเต๋อเทียนที่ยืนอยู่
‘พวกมันหมายตาตระกูลหลินไว้งั้นหรอ? หึ ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะเชี่ยวชาญทักษะอาวุธลับไม่เบา’
เย่เฟิงเค้นเสียงในใจ เขาคลายวงแขนออกจากร่างของหลินชื่อฉิง ก่อนจะแสดงทักษะกรงเล็บมังกรออกมา! ในชั่วพริบตา เจินชี่ของเขาก็พวยพุ่งออกมาจากร่าง และด้วยผลของทักษะสัมผัสวิญญาณ เขาสามารถตรวจจับตำแหน่งและวิถีของมีดบินได้อย่างง่ายดาย
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
เพียงแค่มือเดียว เย่เฟิงสามารถคว้าอาวุธลับที่พุ่งเข้ามาไว้ได้ทั้งหมด หากเย่เวิ่นเทียนได้มาเห็นเย่เฟิงในตอนนี้ ชายชราคงได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เย่เฟิงสามารถใช้ทักษะกรงเล็บมังกรระดับสองได้อย่างรวดเร็วและชำนาญจนน่าอัศจรรย์ใจ
—————————————————————————————————————-
แปลโดย Solar Spark ,Tan Tan