บทที่ 120: ทิราดัส (4)
ป่าฮอร์นที่ลุกโชติช่วง
กวานแจแสดงสีหน้าขมขื่นขณะที่เขาวิ่งผ่านที่แห่งนี้
ในเมื่อที่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาและบาทหลวง
‘มันเป็นสาเหตุ… ให้ฉันต้องช่วยคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้’
กวานแจพึมพำอย่างเงียบงันขณะที่เขาคิดถึงภรรยาของเขาที่อยู่ในก้อนน้ำแข็ง
เขาไม่อาจล้มเหลวได้เมื่อเขามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดถึงคำพูดที่โซเฟียได้บอกเขาก่อนหน้า
<ภรรยาของนายเหลือเวลาไม่มากแล้ว>
<อะไรนะ?>
<เธอมีโลหะเหลวอยู่ในร่างของเธอมานานเกินไป พลังชีวิตของเธอกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว>
โซเฟียบอกเขา
ว่าพวกเขาต้องนำโลหะเหลวออกมาจากร่างของเธอภายในหนึ่งอาทิตย์ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เขาได้ถามนักบวชคนอื่นๆ จากอคารอน พวกเขาทำเพียงแค่ส่ายศีรษะและไม่อาจค้นหาวิธีอื่นออกได้
ซึ่งหมายความว่าเขาต้องจับทิราดัสและได้รับยารักษาจากฮันซูไม่ว่าอย่างไรก็ตามให้ได้
‘จับมันให้ได้’
กวานแจกำสร้อยคอของลูกสาวบนลำคอของเขาที่เขาเอาคืนมาจากบาลี รอปเปอร์เอาไว้แน่น
ภรรยาของเขา มิฮยาง เป็นความหวังอันน้อยนิดเพียงอย่างเดียวที่เขาหลงเหลือในโลกบัดซบใบนี้
กวานแจกัดฟันอย่างหัวเสียก่อนจะไล่ตามฮันซูที่วิ่งอยู่ด้านหน้าไป
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ
ป่าฮอร์นท่วมไปด้วยเปลวเพลิง
หรือจะพูดให้แม่นยำกว่านั้นก็คือพื้นที่ของกิลด์ในป่าฮอร์น
“อ๊ากกกกก!”
“บัดซบ! หนีไปที่ประตูเคลื่อนย้าย!”
กิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุด ครอส
และเอนบิ อาริน หนึ่งในคนจากกิลด์ครอส มองไปยังสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่กำลังก่อเหตุสังหารหมู่ขณะที่เธอพูดขึ้น
“… เราควรจะทำอะไร?”
เอนบิ อาริน เอ่ยขึ้นกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
กิลด์ครอสที่แอรีสและเคลเดียนสร้างขึ้นด้วยกัน
กิลด์ของพวกเขาทำอย่างหนักโดยไม่หยุดยั้งเพื่อที่จะสร้างพื้นที่ในเขตสีส้มบัดซบนี่ขึ้น เพื่อที่อย่างน้อยมนุษย์จะสามารถมีชีวิตรอดได้
พวกเขาสร้างกฎและทำตาม มอบหมายความรับผิดชอบและอำนาจให้ผู้คน และยังยอมให้ผู้ใดก็ตามที่พร้อมจะทำตามกฎเหล่านี้ที่พวกเขาสร้างขึ้นเข้ามาในพื้นที่ที่พวกเขาควบคุมอยู่ และกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในพวกเขา
และจากนั้นจึงเป็นสถานการณ์ในยามนี้
‘รั้ว’ นี้ที่พวกเขาสร้างขึ้นอย่างยากลำบากกำลังถูกทำลายโดยไอ้สัตว์ประหลาดไร้สติตัวหนึ่ง
ในเมื่อกิลด์ครอสเป็นกิลด์ที่อยู่ใกล้ป่าฮอร์นมากที่สุดโดยได้รับการเคารพจากกิลด์อื่นๆ เพราะพวกเขาแข็งแกร่งที่สุด
‘นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอ่อนแอมากขนาดนี้’
เอนบิ อารินมองไปยังเทพโลหะที่อยู่ห่างออกไปขณะที่เธอหยิบบุหรี่ที่สร้างขึ้นจากพืชในโลกนี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีคนระดับมาร์กอชอยู่หกคนในกิลด์ครอส พวกเขาก็ไม่มีทางหยุดการสังหารหมู่นี้ได้
พวกเขาอาจจะสามารถไล่ต้อนมันออกไปได้ด้วยจำนวนถ้าหากมันมีร่างกายใหญ่โต แต่ด้วยร่างกายที่เล็กขนาดนั้น มันไม่มีประโยชน์ในการที่จะใช้จำนวนในการไล่ต้อน
ในเมื่อพื้นที่เป้าหมายมีขนาดเล็กเกินไป และยังมีคนแค่ไม่กี่คนที่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของมันได้ทัน
‘มีเพียงแค่คนระดับมาร์กอชที่ใช้ได้ในการต่อสู้นี้ แต่… แค่หกคนก็ทำอะไรไม่ได้’
พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
ในตอนนั้นเอง พิราบสื่อสารที่เธอส่งไปทุกทิศทางได้กลับมา
พิราบสื่อสารที่เธอส่งออกไปยังคนระดับมาร์กอชคนอื่นๆ ในกิลด์หกอันดับแรก รวมทั้งคนที่เดินทางด้วยตนเอง
หากพวกเขารวมตัวกันทั้งหมด งั้นระดับมาร์กอชราวๆ 20 คนจะมารวมตัวกัน
แต่เอนบิ อาริน เริ่มที่จะสูดควันบุหรี่เข้าไปด้วยท่าทีหงุดหงิดมากกว่าเดิมในขณะที่เธออ่านข้อความตอบกลับ
“กิลด์คราวน์ถูกสังหารหมู่จากการปะทะกับกิลด์รีโรรีโรเร และพวกลูกกิลด์รีโรรีโรเรที่เหลือก็หายไปกันหมดเพราะเรื่องของอคารอน โฮ่ พวกเขาสมกับชื่อจริงๆ สร้างสถานการณ์บัดซบแบบนี้จนถึงตอนสุดท้าย”
ระดับมาร์กอชเกือบ 10 คนหายไปในเสี้ยววินาที
คนระดับมาร์กอที่เหลือถูกพบเห็นจากการสอดแนม และไม่มีใครที่ตอบข้อความจากกิลด์ครอส
ในเมื่อระดับความอันตรายของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลถ้าคนระดับมาร์กอชเกือบสิบคนไม่เข้าร่วม และในเมื่อพวกเขาจะไม่เสียอะไรแม้จะไม่ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น
พวกเขาแค่ต้องขึ้นไปยังเขตต่อไปผ่านประตูเคลื่อนย้าย
มันไม่สำคัญว่าคนที่นี่จะตายหรือไม่
‘แอรีส เคลเดียน… ฉันเคารพในความสามารถของพวกคุณ แต่ดูเหมือนว่าพวกคุณจะคิดถึงมนุษย์อย่างเรียบง่ายเกินไปหน่อย’
เอนบิ อาริน พึมพำขณะที่เธอสูดควันเข้าไป
อีกมุมหนึ่งของสังคมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกฎระเบียบ
แอรีสและเคลเดียนคิดว่าสิ่งที่พวกเขากำหนดไว้จะสามารถรวบรวมเขตสีส้มทั้งหมดให้กลายเป็นหนึ่งได้ในเสี้ยววินาที
ในเมื่อผู้คนที่เข้าร่วมจะสามารถยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาได้ด้วยงานและความรับผิดชอบเพียงแค่เล็กน้อย
และในความเป็นจริงกิลด์ครอสของพวกเขา ที่แม้ว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อันตรายที่สุด กลับมีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุดและแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทว่าพวกเขากลับได้ครอบครองพื้นที่เพียงราวๆ 10% ของตัวกรากอซ
“เราจะทำยังไง?”
คาร์เล็ต เพื่อนของเอนบิ อาริน เอ่ยถามเธอ
พวกเขาคือผู้คุ้มกันที่คอยปกป้องให้ผู้คนในกิลด์ครอสปลอดภัยในเวลาสามปีที่ผ่านมา
ทว่าตัวคาร์เล็ตเองกำลังแสดงสีหน้าขมขื่น
ในเมื่อการที่คนหกคนเข้าไปเผชิญหน้ากับไอ้สิ่งนั้นก็คือภารกิจฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง
เอนบิ อารินโยนบุหรี่ที่เธอสูบจนหมดทิ้งก่อนจะพึมพำ
“ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชนะ แค่ซื้อเวลาก็พอ ช่วยคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนที่ควรจะถอยก็ถอยไป”
มันมีลูกกิลด์ในบริเวณของกิลด์ครอสมากเกินไป และพวกเขาใส่ใจคนพวกนี้มากเกินกว่าจะปล่อยให้คนเหล่านั้นตาย
“ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉันก็คงเป็นการเป็นเพื่อนกับเธอล่ะมั้งยายบ้า ไปกันเถอะ…”
ตูมมม!!!
กระทั่งก่อนที่คาร์เล็ตจะพูดจบ ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่พวกเขายืนอยู่ก็ถูกทะลวงโดยบางอย่าง
พรวดดด
“อึก…”
คาร์เล็ตกำแขนขวาที่ถูกกรีดเอาไว้ขณะที่กัดฟันกรอด
หอกสีขาว ที่ดูเหมือนกับเศษกระดูกของมาร์กอชได้ทะลวงผ่านต้นไม้หนาสิบเมตรและกรีดผ่านแขนขวาของคาร์เล็ต
แต่หากเอนบิ อาริน ไม่ได้ขัดขวางมัน งั้นแขนเขาทั้งแขนคงจะหายไปแล้ว
เอนบิ อาริน คลุมทั้งร่างของเธอไว้ด้วยลักษณะพิเศษที่ฉีกกระชากร่างของอาชญากรทั้งหมดที่เผชิญหน้ากับเธอในบทฝึกซ้อม <อารมณ์ที่เปรอะเปื้อน> ขณะที่เธอพึมพำ
“… เราไม่จำเป็นต้องไปหามัน”
เทพโลหะกำลังบินผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูงและมุ่งหน้ามายังพวกเขา
พวกเขาทั้งหกคนใช้สกิลทั้งหมดที่พวกเขามีเท่าที่จะใช้ได้พร้อมกับทะยานเข้าไปหามัน
‘โอ้พระเจ้า…’
เสาที่หนึ่ง ทารูโฮล ขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังโลกอันวุ่นวาย
‘ทิราดัส… ฉันรู้ว่ามันจะแสดงตัวออกมา แต่ไม่ได้เร็วขนาดนี้’
ทิราดัส
สิ่งนี้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของมาร์กอชแตกต่างไปจากกราซิโอสที่ทำตามแค่สัญชาตญาณ
มันคิดเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดของตัวเอง วางแผนไปถึงอนาคต และกระทั่งรู้จักหาความสนุกสนาน
มันเป็นสาเหตุให้มันไม่ค่อยจะแสดงตัวออกมา
ในเมื่อยิ่งฆ่ามากเท่าไหร่ จำนวนของอาหารจะยิ่งลดลงมากเท่านั้น
แต่มันก็มีช่วงเวลาที่ความกระหายเลือดของมันถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์เช่นกัน
ในระหว่างเวลาที่มาร์กอชอพยพครั้งใหญ่เพราะอาการขาดของเหลวในร่างของกรากอซ
ทิราดัสที่รู้ว่ากรากอซจะพลิกตัวถ้ามันไม่ลดจำนวนของมาร์กอชลงจะปลดปล่อยความกระหายเลือดที่พวกมันปิดกั้นออกมาโดยสมบูรณ์
‘ปัญหาคือ… มันไม่ได้ฆ่าแค่มาร์กอช’
พวกเขา อคารอน ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นจากสิ่งนี้
ในขณะที่ทารูโฮลกำลังกัดฟันกรอด ฮันซูก็พุ่งเข้ามาจากห่างออกไป
ทารูโฮลตกใจกับมนุษย์สามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฮันซู
สามคนที่ส่งกลิ่นอายทรงพลังอย่างเข้มข้นออกมา
‘เขาเสริมพลังร่างของคนระดับมาร์กอชด้วยการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายงั้นหรือ’
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพลังเพิ่มขึ้นจนถึงระดับใหม่อย่างสิ้นเชิง พวกเขาก็ควรจะสามารถแสดงพลังได้ในระดับของระดับมาร์กอชสามคนรวมกัน
อาเคลล่า หนึ่งในสามคน ตะโกนออกมาขณะที่เธอกัดฟันกรอดใส่ฮันซูที่กำลังควบคุมร่างกายของเธออยู่
“ไอ้เวรบัดซบ! ค**!”
ฮันซูเมินอาเคลล่าขณะที่เขาเอ่ยขึ้นกับทารูโฮล
“รีบเข้าเถอะ เราต้องฆ่ามันให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่ตัวสีดำจะโผล่ออกมา”
ทารูโฮลแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทิราดัสสีดำ
ร่างที่สองของทิราดัสที่จะปรากฏขึ้นไม่กี่ครั้งในระหว่างการอพยพครั้งใหญ่ของมาร์กอช
ฮันซูตรวจสอบอุปกรณ์ที่เขามี
‘… ไม่มั่นใจว่าแค่นี้พอรึเปล่า’
เขาไม่ชอบความไม่แน่นอน
ดังนั้นแล้วเขาจำเป็นต้องมีไพ่ตาย
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับกวานแจ
“พวกเรากำลังจะไปสู้ต่อจากนี้”
“ไม่มีฉัน?”
กวานแจแสดงสีหน้าสับสนออกมา
พวกเขาต้องการความช่วยเหลือทั้งหมดเท่าที่จะสามารถหาได้ ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นข้อยกเว้น?
ฮันซูชี้ไปยังตำแหน่งลึกในป่าฮอร์น
ส่วนลึกภายในป่าที่มาร์กอชกับทิราดัสออกมา
“มันมีบางอย่างที่นายต้องเอามา”
งานนี้อันตรายและสำคัญอย่างมาก
จนถึงจุดที่เขาอยากจะไปเอามันมาด้วยตนเอง
ทว่าเขาต้องขัดขวางทิราดัส
‘ไอ้เวรฉลาดเอ้ย’
ทิราดัสจะฆ่าคนที่แข็งแกร่งที่จะเข้ามาขัดขวางการสังหารหมู่ของมันทีล่ะคน
ในเมื่อกิลด์ของเอนบิ อาริน <ครอส> กำลังถูกโจมตีโดยมัน
พิราบสื่อสารที่บินมาจากรอบๆ กำลังบ่งบอกว่าสถานการณ์มันร้ายแรงแค่ไหน
พวกเขาต้องไปรวมกลุ่มและขัดขวางทิราดัสก่อนที่ความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นมากเกินไป
‘ต้องเป็นเขา’
ฮันซูพึมพำขณะที่มองไปยังกวานแจ
ในเมื่ออีกฝ่ายยังมีกองกำลังที่เขาสามารถควบคุมได้ รวมทั้งอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจนที่สุด
“ฉันต้องเอาอะไรมา?”
ฮันซูยื่นบางอย่างไปให้กวานแจแทนคำตอบ
ตูมมมม!
ทิราดัสบินไปทั่วฟ้าขณะที่มันมุ่งเป้าไปยังคนทั้งหก
หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้นคือคนที่อ่อนแอที่สุดในนั้น
ราวกับว่ามันกำลังหยอกล้อกับพวกเขา
ปึดด
ทิราดัสปรากฏตัวขึ้นที่หน้าคาร์เล็ตในเสี้ยวพริบตา คว้าแขนขวาของเขาก่อนจะกระชากมันออกมา
“อ๊ากกกกก!”
“คาร์เล็ต!”
เมื่อเอนบิ อารินแขนขวาของคาร์เล็ตถูกดึงออก เธอก็พุ่งตรงไปยังเทพโลหะอย่างดุดัน
ขณะที่เธอรู้สึกว่าแรงและความคล่องแคล่วของเธอกำลังทะยานขึ้นสูงจากลักษณะพิเศษของเธอ
<อารมณ์ที่เปรอะเปื้อน>
มันจะเพิ่มความสามารถทางกายภาพและระดับสกิลขึ้นจากอารมณ์ของผู้ครอบครอง
มานาและพลังเวทยามที่ผู้ครอบครองเยือกเย็น
ความอดทนและประสาทสัมผัสเมื่อผู้ครอบครองมีความสุข
แรงและความคล่องแคล่วเมื่อผู้ครอบครองโกรธ
พลังป้องกันเวทมนต์และกายภาพเมื่อผู้ครอบครองสิ้นหวัง
ยิ่งอารมณ์นั้นรุนแรงเท่าใด พลังที่ลักษณะพิเศษจะมอบให้เธอก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
และสถานการณ์ในตอนนี้ เอนบิ อารินกำลังกราดเกรี้ยวอย่างเป็นประวัติการณ์
เอนบิ อารินพุ่งตรงไปยังทิราดัสด้วยแรงและความคล่องแคล่วของเธอที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวกว่าปกติก่อนจะฟาดหน้าของมัน
ก๊องงงง!
แม้ว่าหนึ่งหมัดและหนึ่งใบหน้าจะปะทะกัน เสียงที่ราวกับไม้กระทุ้งและกำแพงปราสาทปะทะกันก็ได้ดังก้องขึ้น
ใบหน้าที่กำลังหัวเราะของทิราดัสบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
มันสลัดคาร์เล็ตทิ้งขณะที่มันทะยานขึ้นไปบนฟ้า
การเคลื่อนไหวของมันนั้นรวดเร็วเสียจนเลือดแห้งกรังบนร่างของมันสาดกระจายไปทั่ว
และเพราะแบบนั้น ทิราดัสที่มีสีแดงเลือดราวกับปีศาจก็หายไปกลายเป็นสีขาวสะอาด ทิราดัสที่ดูราวกับเทวดาได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
แม้ว่ารอยยิ้มชั่วร้ายของมันจะทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมก็ตาม
‘… ดูเหมือนว่ามันจะสีเข้มขึ้น?’
เอนบิ อารินมองไปยังทิราดัสที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าขณะที่เธอผวาไปกับสภาวะร่างกายของเธอในยามนี้
พลังป้องกันเวทมนต์และกายภาพของเธอกำลังเพิ่มขึ้น
‘โอ้ บัดซบเอ้ย’
แม้ว่าเธอจะกำลังโกรธ มันดูเหมือนว่าส่วนลึกในใจของเธอจะแตกต่างออกไปนิดหน่อย
ในเมื่อลักษณะพิเศษไม่อาจโกหกได้
ความสิ้นหวังกำลังกลบฝังความโกรธ
เอนบิ อารินถอนหายใจขณะที่เตรียมตัว
เธอไม่มีความคิดที่จะหนี
และมันไม่ได้ดูเหมือนว่าทิราดัสจะปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว
ความรู้สึกหงุดหงิดที่สามารถมองเห็นได้จากเบื้องหลังรอยยิ้มบนใบหน้าของมันสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
‘… หนีไปน้องฉัน’
ไม่ช้า เอนบิ อารินและคนอื่นๆ อีกห้าคนก็ปะทะกับทิราดัสอย่างดุดัน
ตูมมมม!
ศีรษะของมาร์กชที่พยายามจะเคี้ยวร่างของลูกกิลด์ที่วิ่งหนีไประเบิดออก
‘… ทางไปหามันนี่ไม่ตลกเหมือนกัน’
มาร์กอชและสัตว์อสูรระดับสูงตัวอื่นๆ เริ่มที่จะอาละวาดเมื่อพวกมันเห็นว่าทิราดัสกำลังสนใจสิ่งอื่นอยู่และปลดปล่อยความกระหายเลือดที่พวกมันปิดกั้นเอาไว้ออกมา
และเพราะแบบนี้ ความสูญเสียจึงได้เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าตอนที่ทิราดัสอาละวาด
‘โปรดทนเอาไว้ เธอจะตายที่นั่นไม่ได้’
ฮันซูรีบวิ่งไปในขณะที่เขามองไปยังเทพโลหะที่ส่องประกายเจิดจ้าอยู่ห่างออกไป
TL: ปู่สู้วววว