บทที่ 110: อคารอน (5)
‘งี่เง่า ดันเรียกพวกมนุษย์มาที่นี่ซะได้’
ฮันซูเรียงลำดับความสำคัญอย่างรวดเร็วขณะที่เขามองไปยังสนามรบและคำนวณจากสิ่งที่เขาได้ยินมาจากทาเรส
‘ก่อนอื่นช่วยพวกเด็กๆ ที่นักบวชหญิงน่าจะป้องกันอยู่ก่อน จากนั้นจึงช่วยพวกที่เหลือให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้’
อคารอนคนอื่นๆ ต่างออกไป แต่เขาต้องช่วยนักบวชหญิงเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ในเมื่อมีเพียงแค่นักบวชหญิงที่จะสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้
จากนั้นจึงเป็นเด็กๆ ที่เธอปกป้อง
มีเพียงแค่ยามที่เด็กๆ ยังรอดชีวิตเท่านั้นที่อคารอนจะยังคงมีความหวังและช่วยเหลือเขา
แต่น่าเศร้าที่เสาทั้งห้าและนักรบอคารอนค่อนข้างมีระดับความสำคัญต่ำ
‘แต่… ฉันเชื่อในพวกเขา’
เขาไม่คิดว่าพวกที่แข็งแกร่งแบบนั้นจะตายง่ายๆ
และการที่ปล่อยให้พวกนั้นมีชีวิตรอดก็มีเพียงแค่จะทำให้เรื่องราวง่ายขึ้นสำหรับเขาในอนาคต
ในเมื่องานของเขาจะยิ่งง่ายขึ้นหากมีนักรบที่แข็งแกร่งเหลือรอดมากขึ้น
‘ถึงจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น… มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นถ้าเราจะปกปิดปัญหาในยามนี้เอาไว้ก่อน’
ความจริงแล้ว มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นในมุมหนึ่ง
มันมีคำกล่าวที่ว่า ในวิกฤตมีโอกาสอยู่เสมอ
หนี้บุญคุณจะยิ่งส่องประกายในสถานการณ์อันตราย
หากเขาสามารถจบปัญหานี้ลงได้อย่างดี?
งั้นเขาก็จะทำให้พวกอคารอนติดหนี้บุญคุณเขาอย่างใหญ่หลวงได้
ในเมื่อการที่เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะช่วยเหลืออคารอนยามที่พวกเขาต่อสู้กับมนุษย์มีเพียงแค่จะสร้างประโยชน์ให้กับเขา
‘และยิ่งไปกว่านั้น การที่ออกมาในระหว่างการดัดแปลง’
ฮันซูขมวดคิ้วกับของเหลวสีเงินที่ไหลกลิ้งไปทั่วในร่างของเขา
เขาได้ดูดกลืนของเหลวทั้งหมดเข้าไปได้สำเร็จแล้ว
แต่มันมีปัญหาที่ตามมา
โลหะเหลวที่เขาดูดกลืนเข้ามาต้องเชื่อมต่อกับทุกซอกทุกมุมในร่างกายของเขา แต่มันกำลังไหลไปทั่วร่างของเขาแทน
และร่างกายของเขาตัดสินว่าโลหะเหลวพวกนั้นเป็นศัตรูและได้กระตุ้นระบบป้องกันขึ้นและเริ่มโจมตีโลหะเหลวเหล่านั้น
‘ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงบอกให้ฉันไม่ออกมาในระหว่างการ… อึก’
ฮันซูขมวดคิ้วกับความเจ็บปวดที่สั่นสะท้านสติของเขา
ฮันซูคำนวณสิ่งที่เขาได้รับและเสียไป
เขาได้รับร่างกายที่ทรงพลังอย่างมากมา
ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่าเขาได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาสามารถรับมือเสาที่หนึ่ง ทารูโฮล หรือคนระดับมาร์กอชที่มาหาพวกเขาในตอนที่เขากำลังจะฆ่าเคล ดอว์สันได้แล้ว
ไม่สิ ความจริงแล้วเขาเหนือกว่าพวกนั้นอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขาเสียไปก็คือพลังต่อสู้เล็กน้อยเพราะความเจ็บปวดมหาศาล
มันมีขีดจำกัดที่คนคนหนึ่งจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยแค่เพียงพลังใจ
หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฮันซู พวกเขาคงจะกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดในวินาทีที่พวกเขาออกมาแล้ว
ข้อได้เปรียบเล็กน้อยที่จะได้รับจะหายไปเพราะความเจ็บปวด
‘ฉันจะเสมอถ้าสู้กับทารูโฮล’
ฮันซูไม่ได้ออกมาจากถังของเหลวโดยไม่ได้คิดอะไร
ในเมื่อมันมีวิธีที่จะกำจัดผลข้างเคียงนี้ในผลึกความทรงจำของเอลคาเดียน
แต่ความเจ็บปวดเป็นเรื่องหนึ่ง มันยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
‘ถ้าฉันใช้การกลายพันธุ์ ภาระที่ร่างกายจะแบกรับจะเพิ่มมากขึ้นแทน’
เขาต้องจัดการการต่อสู้นี้โดยไม่ใช้การกลายพันธุ์
‘ฉันควรจะทำเท่าที่ทำได้’
พูดตรงๆ เขาจะได้รับทุกอย่างที่เขาต้องการเมื่อเขาช่วยเหลือนักบวชหญิงได้
‘… จะยังไงก็ตาม ฉันควรจะจัดการพวกที่บุกรุกเข้ามานี่ยังไงดี?’
ฮันซูพบนักบวชหญิงที่กำลังมุ่งหน้าไปยังบางแห่งพร้อมด้วยเด็กๆ และรีบมุ่งหน้าไปหาเธอ
<อย่าฆ่าและพยายามจับตัวเอาไว้! แต่ฆ่าสักคนสองคนเป็นตัวอย่างให้พวกนั้นไม่รู้ตัว>
บาร์ท เรี่ยน หนึ่งในหน่วยจู่โจมสายฟ้าแล่บของกิลด์คราวน์ผงกศีรษะเมื่อเขาได้รับพิราบสื่อสาร
หากเจ้าพวกนี้รู้ว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าพวกมัน งั้นพวกมันก็จะสู้สุดชีวิต
‘มันจะกลายเป็นปัญหา’
บาร์ท เรี่ยนส่ายศีรษะขณะที่เขามองไปยังเด็กๆ ที่กำลังถูกคุ้มกันออกไป
พวกนั้นสูงถึงสองเมตรแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เด็ก
ความสูงของผู้ชายสุขภาพดี
‘ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่ยุติธรรมจริงๆ’
หากพวกเขาไม่มีรูน สกิล หรืออาร์ติแฟค พวกเขาก็ทำไม่ได้แม้แต่จะสู้ด้วยซ้ำ
‘ฉันควรจะขอบคุณแฟรี่หรืออะไรพวกนั้นรึเปล่า? ในเมื่อพวกนั้นเปิดทางให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น’
ทว่าบาร์ท เรี่ยนได้ทิ้งความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว
การที่คิจะขอบคุณไอ้เวรพวกนั้นที่โยนพวกเขามาในดินแดนบัดซบนี่
‘เวรเอ้ย… น่าหงุดหงิดชะมัด ฉันควรจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จเร็วๆ’
จากนั้นบาร์ท เรี่ยนจึงมองไปยังอคารอนที่อยู่ห่างออกไป
แม้ว่าเธอจะได้โยนทุกอย่างที่จะบ่งบอกว่าเธอเป็นคนระดับสูงทิ้งไป กลิ่นอายออร่าแปลกประหลาดก็ได้แพร่กระจายออกมาจากร่างของเธอ
มันดูเหมือนว่าเธอเป็นคนสำคัญแม้เพียงแค่มองผ่านๆ
‘นั่นคือนักบวชหญิงเหรอ? ฉันเดาว่าทุกอย่างจะจบถ้าเราจับเธอได้’
บาร์ท เรี่ยนรวบรวมมานาของเขาจากนั้นจึงตัดแขนข้างหนึ่งของนักรบอคารอนเบื้องหน้าเขา
ฉัวะ
“อ๊ากกกก!”
แม้ว่าหมอนั่นจะแข็งแกร่ง มันก็ยังห่างไกลเกินกว่าที่จะรับมือเขา ระดับบัลลาดิ
บาร์ท เรี่ยนกำลังจะพุ่งเข้าไปหานักบวชหญิงหลังจากที่แช่แข็งร่างของนักรบและเตะเขาออกไป
“!!!”
ในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าขนบนแผ่นหลังของเขาลุกชัน
บางอย่างได้เข้ามาใกล้เขาจากด้านหลัง
โดยไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของมันแม้แต่น้อย
ทุกคนที่รับรู้ถึงกลิ่นอายนี้พลันหยุดชะงักและใช้สกิลล้อมร่างของตนเองเอาไว้โดยไม่รู้ตัวราวกับกำลังพยายามหลบหนีออกไปด้านนอก
ในเมื่อมันโหดเหี้ยมอำมหิตถึงขนาดนั้น
‘ไอ้พวกตัวถ่วงนี่!’
บาร์ท เรี่ยนกลืนคำสบถที่อยู่ในลำคอลงไป
ในเมื่อเขาเข้าใจ
เขาสามารถฝืนทนเอาไว้ได้อย่างยากลำบากในเมื่อเขาอยู่ในระดับบัลลาดิ หากเขาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนั้น เขาคงหนีไปในทันทีเช่นกัน
บาร์ท เรี่ยนหันศีรษะของเขาไปในเวลาเดียวกัน
‘มันช้าเกินกว่าที่จะหนีแล้ว’
ผู้ที่ตรงมายังที่นี่และมีความแค้นกับพวกเขามีเพียงแค่อคารอน
จะยังไงมันก็สายเกินกว่าที่จะหนีแล้ว
เขาต้องการตัวประกัน
ใครบางคนที่สำคัญ
‘ตัวนั้น’
บาร์ท เรี่ยนเริ่มที่จะพุ่งตรงไปยังนักบวชหญิงที่อยู่ท่ามกลางเด็กๆ อย่างบ้าคลั่ง
แม้ว่ากลิ่นอายนั้นจะโหดเหี้ยม มันก็ยังพอมีระยะห่างระหว่างเขากับอคารอนนิรนามเจ้าของออร่านั่นอยู่
เขาจะชนะหาดเขาสามารถจับนักบวชหญิงเป็นตัวประกันได้ก่อนหน้านั้น
‘ฉันชนะ!’
ความคิดของบาร์ท เรี่ยนสิ้นสุดลงตรงนั้นเมื่อเขาไปถึงเบื้องหน้านักบวชหญิง
ตูม!
บางอย่างได้ลอยมาจากห่างออกไปและทะลวงเข้าไปที่ท้องของบาร์ท เรี่ยนจนทำให้เขาหมดสติและพุ่งไปกระแทกที่มุมถ้ำห่างออกไป
ในตอนนั้นเองที่สปอร์สีเขียวที่มาพร้อมกับหอกได้ระเบิดออกไปรอบๆ
ลูกกิลด์กิลด์คราวน์ที่สูดเอาสปอร์นั้นเข้าไปไม่อาจรับมันได้ พวกเขาโซเซเล็กน้อยก่อนที่จะล้มลง
‘สปอร์นอนหลับใช้ได้ดีเหมือนกัน’
แม้ว่าจะล้มพวกนั้นไม่ได้ง่ายๆ ผลของมันก็เป็นไปได้เพราะคนที่อ่อนแอได้หนีไปและคนที่แข็งแกร่งก็เหนื่อยล้าเพราะการต่อต้านของอคารอนแล้ว
ฮันซูที่เห็นผลของสปอร์สีเขียวที่เขาได้ใช้ในคุกเพื่อที่จะช่วยเหลือไอเลนได้ร่อนลงบนพื้น
ตูม!
นักบวชหญิงมองไปยังฮันซูที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“สองวันยัง…”
“ไม่ต้องพูดถึงมัน มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย”
โอเทออนมองไปยังฮันซูที่บิดร่างกายส่วนต่างๆ ของเขาด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่
“ก่อนอื่นข้าต้องขอบคุณเจ้าจากก้นบึ้งหัวใจของข้า ดูเหมือนว่าเราจะสามารถมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันได้นับจากนี้”
เธอไม่อาจที่จะค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงของฮันซูได้จากเพียงแค่สิ่งนี้
แต่นี่คือโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการใช้พวกเขาหรือจับพวกเขา
มันไม่มีเหตุผลให้ช่วยเหลือพวกเขา
‘ข้าต้องตอบแทนบุญคุณนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม’
แต่สถานการณ์จะไม่เปลี่ยนไปเพียงแค่เพราะฮันซูปรากฏตัว
ในเมื่อนักรบของพวกเขากำลังเสียสละอยู่รอบๆ พวกเขาแม้ว่าสถานการณ์ตรงนี้จะปลอดภัยแล้ว
“เจ้าจัดการปัญหานี้ได้หรือไม่?”
ฮันซูครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายศีรษะ
“มันเกินไปหน่อย”
ระดับมาร์กอชไม่ได้ไร้เทียมทาน
แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าปัญหาตรงนี้ถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่อีกฝ่ายก็จะค้นพบเขาและเตรียมการรับมือ
โดยรวมแล้วฝ่ายของพวกนั้นมีพลังมากกว่า
‘เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็มีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันมาช่วยคนพวกนี้’
ฮันซูรวมพลังมานามังกรปีศาจของเขา จากนั้นจึงฟาดไปยังเนื้อที่แข็งเป็นหินของกรากอชที่ปิดกั้นทางออกฉุกเฉินเอาไว้
ตูมม!
รูขนาดใหญ่เปิดออกเมื่อทางออกฉุกเฉินที่อคารอนเตรียมไว้ได้เปิดออก
ฮันซูชี้ไปยังรูนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“หนี ฉันจะพยายามแก้ให้ได้มากที่สุดที่นี่”
นักบวชหญิงต้องมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เขาจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสบายใจถ้าอคารอนตนนี้หนีไป
แต่นักบวชหญิงไม่ได้จากไปขณะที่เธอมองไปยังผู้คนที่นอนกระจัดกระจายอยู่ห่างออกไปจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ช่วยเราอีกหน่อย ในทางกลับกัน… ข้าจะสร้างทหารให้เจ้า”
“อะไรนะ?”
ในขณะที่ฮันซูกำลังขมวดคิ้วกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง นักบวชหญิงก็เริ่มเทบางอย่างเข้าไปในปากของผู้ที่หมดสติอยู่
ตูม!
“โว้ว!”
คนระดับมาร์กอชของกิลด์คราวน์ได้ถูกส่งมาเพื่อภารกิจนี้
หนึ่งในนั้น บาลี รอปเปอร์ ตะโกนออกมาจากการโจมตีของอคารอนที่มุ่งมายังเขา
ในเมื่อแรงของมันส่งมาถึงกระดูกของเขาแม้ว่าจะมีอาร์ติแฟคป้องกันคุณภาพสูงที่จะสามารถหาได้จากแค่ที่ <ป่าฮอร์น> และสกิลป้องกันอีกจำนวนมาก
‘พวกมันแข็งแกร่งจริงๆ’
รอปเปอร์เดาะลิ้น
ร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างมาก
พวกนั้นแข็งแกร่งแม้จะไม่มีสกิลและอาร์ติแฟค
หากคนระดับบัลลาดิมาเผชิญหน้ากับพวกนี้ ร่างของพวกเขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้น
มันทำให้เขารู้สึกยินดีมากขึ้นกว่าเดิม
‘ตอนนี้เราจะได้รับพลังนั่นแล้ว’
ความจริงแล้ว ชัยชนะกำลังโน้มเอียงมายังพวกเขาอย่างช้าๆ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกคน คนพวกนั้นก็เป็นแค่แทงค์เลือดหนาเมื่อเทียบกับพวกเขาที่รวมสกิลต่างๆ เข้าด้วยกัน
และอีกอย่างหนึ่ง
พวกเขาก็แค่ต้องทำให้มันยืดเยื้อ
คนที่จะกระวนกระวายก็จะกลายเป็นพวกที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
‘รีบๆ จับพวกมันได้แล้ว’
เมื่อคนที่พวกเขาส่งไปจับพวกเด็กๆ ได้ ชัยชนะของพวกเขาก็จะเป็นเรื่องแน่นอน
เขาไม่รู้เกี่ยวกับพวกที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่มันต้องมีคนที่ยอมแพ้แน่ๆ
แต่รอปเปอร์รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติหลังจากปะทะกับเสาทั้งห้าไปพักใหญ่เพื่อซื้อเวลา
‘มันนานเกินไปแล้ว’
และมันก็ไม่มีข่าวจากคนที่เขาส่งไปแม้แต่คนเดียว
แม้ว่าเขาจะคิดว่าพวกนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต แต่มันก็ใช้เวลานานเกินไปสำหรับเรื่องแค่นั้น
ในตอนนั้นเอง
สัญญาณเตือนก็ได้ดังลั่นในศีรษะของรอปเปอร์
ความรู้สึกที่คุ้นเคยในอดีต ตอนที่เขาเข้าไปในป่าของมาร์กอชโดยที่ไม่รู้อะไรและแทบจะถูกกัดร่างเป็นสองส่วน
บาลี รอปเปอร์พลันใช้สกิลที่เขาภาคภูมิใจที่สุด <ลูกแก้วแรงโน้มถ่วง>
ฟึ่บ
ลูกแก้วสีดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นเบื้องหน้าบาลี รอปเปอร์และเริ่มที่จะดูดทุกอย่างที่อยู่รอบกายเขา
สกิลที่เกี่ยวข้องกับสกิลมิติที่เขาได้รับมา หลุมดำขนาดเล็กได้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้คลื่นแรงโน้มถ่วง
แน่นอนว่ามันค่อนข้างจะด้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลุมดำของจริง แต่พลังของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้
วูบบบบ
“อ๊ากกกก!”
“ไอ้งี่เง่า! รอปเปอร์! แกทำอะไรของแก!”
ทุกอย่างรอบตัวพวกเขากำลังถูกดูดไปยังลูกแก้วแรงโน้มถ่วง
แม้แต่ลูกกิลด์คราวน์ของพวกเขาและสกิลที่ลอยไปมารอบๆ อคารอน
‘เวรเอ้ย พวกนั้นยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ?!’
มันมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ใช้สกิลนี้
สกิลนี้ทำลายการทำงานเป็นทีมมากเกินไปและใช้งานไม่ได้ดีต่อพวกอคารอนเบื้องหน้าเขาที่มีร่างกายใหญ่โตและหนัก
และอคารอนก็กำลังยืนอย่างมั่นคงด้วยขาของพวกเขาที่ปักอยู่บนพื้น
สกิลที่ส่งผลต่อพื้นที่เป็นวงกว้าง
แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น
ในเมื่อสัญญาณเตือนในศีรษะของเขามันรุนแรงเกินกว่านั้น
ในตอนนั้นเอง
เคร้ง
เส้นสีทองได้ลอยมาจากห่างออกไปก่อนจะเลี้ยวไปปะทะกับลูกแก้วแรงโน้มถ่วง
ลูกแก้วแรงโน้มถ่วงป้องกันเส้นสีทองนั้นไว้ได้ แต่บนตัวของมันได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นก่อนจะระเบิดเอาพลังทั้งหมดที่มันดูดกลืนมาออกไป
ตูม!
“บัดซบเอ้ย!”
สีหน้าของบาลี รอปเปอร์แข็งค้างเมื่อเขาหนีออกจากระยะระเบิดได้อย่างเฉียดฉิว
‘ยังเหลือคนแบบนี้อยู่อีกเหรอ?’
ไม่มีทาง
ทำไมพวกมันถึงเก็บคนแบบนั้นไว้จนถึงตอนนี้?
ในตอนนั้นเองที่เจ้าของหอกสีทองมุ่งตรงมายังพวกเขา
“… มนุษย์?”
รอปเปอร์แสดงสีหน้าจนใจออกมา
เขารู้จักนักผจญภัยระดับมาร์กอชทุกคน
แม้ว่าเขตสีส้มจะกว้างใหญ่ มันก็มีนักผจญภัยระดับมาร์กอชอยู่เพียงแค่ 20 กว่าคนเท่านั้น
แต่เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับคนแบบหมอนี่มาก่อน
ในตอนนั้นเองที่ใครบางคนลอบโจมตีลูกกิลด์คราวน์ที่กำลังจัดแนวรบอยู่ด้านล่าง
ตูมมม!
ตูมม!
“ไอ้เสียสตินี่! ทำไมถึงโจมตีพวกเรา!”
“เฮ้! บาร์ท เรี่ยน! ฉันโคล ฉันโคลเอง! นายเสียสติไปแล้วเหรอ?”
รอปเปอร์มองไปยังกองกำลังที่สามที่พุ่งตรงมายังแนวการรบของพวกเขาก่อนจะขมวดคิ้ว
‘พวกนั้นลูกกิลด์ของเรานี่?’
ผู้ที่เขาส่งไปได้เสียสติและกำลังโจมตีพวกเขาแทน
และได้รวมเข้ากับแนวรบของอคารอน
การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ดูไม่ปกติเช่นกัน
‘… พวกมันทำอะไร?’
ในขณะที่สิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้จำนวนนับไม่ถ้วนได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ที่บินมาก็พลันเอ่ยขึ้น
“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ ในเมื่อมันมีอีกหลายอย่างที่พวกเราต้องทำ”
“อะไรนะ?”
ฮันซูคิดถึงคำพูดสุดท้ายของนักบวชหญิง โอเทออน
<แค่ปล่อยให้พวกมันมีลมหายใจอยู่หลังจากที่จัดการพวกมันได้แล้ว แล้วข้าจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นกองทัพของเจ้า นี่คือสิ่งตอบแทนในการช่วยเหลือพวกเรา>
เขาสงสัยว่ามันคืออะไรในเมื่อมันไม่ได้อยู่ในผลึกความทรงจำของเอลคาเดียน แต่ดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เอลคาเดียนจากไป
มันไม่ได้ดูโหดร้ายขนาดนั้น และไม่ได้ดูเหมือนว่าจะทำลายภาพลักษณ์ของเขา
แม้ว่ามันจะมีขีดจำกัดอยู่มาก มันก็ดูจะมีประโยชน์อย่างมากในตอนนี้
ทว่าฮันซูส่ายศีรษะขึ้นกับคำพูดที่นักบวชหญิงเอ่ยเพิ่ม
<ข้าจะมอบทุกคนให้เป็นกองทัพของเจ้า แต่… ไอ้เวรหกตัวนั่น ไม่สิ ไม่ใช่ไอ้พวกเวรหกตัวนั่น ไอ้พวกเวรนั่น… ต้องถูกสังเวยในเพลิงบูชา>
ฮันซูไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับพวกทาเรส
ในเมื่อพวกเขาอาจจะทำเพื่อที่จะมีชีวิตรอด
แต่มันต่างออกไปในสายตาของอคารอน
ในเมื่อความเสียหายทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะพวกเขา
‘แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำเพื่ออยู่รอดโดยที่ไม่มีความคิดเลวร้าย… หากการกระทำนั้นสร้างความขุ่นเคืองให้กับโลก งั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมตัวที่จะรับผลที่ตามมา’
หากมันคือเพลิงบูชา งั้นมันก็มีเพียงแค่ทางเดียวที่พวกเขาจะรอดชีวิต
พวกเขาต้องแก้ไขมันด้วยตนเอง
ฮันซูสิ้นสุดความคิดของเขาและมองไปยังสี่คนเบื้องหน้าเขา
‘จัดการที่นี่… จากนั้นค่อยจัดการปัญหาของกรากอช’
บาลี รอปเปอร์กัดฟันกรอดขณะมองไปยังฮันซู
สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหากเป็นแบบนี้
“ไอ้เวรบัดซบนี่… มนุษย์ไปอยู่กับอคารอน?”
ฮันซูยักไหล่
“เมื่อไหร่กันที่มนุษย์สนิทกันขนาดนั้น? อย่ากังวลเลย เราจะสนิทกันในไม่นานนี้แหละ”
“แกพูดบ้าอะไร!”
ทั้งสี่คนเริ่มสาดสกิลไปยังฮันซูหลังจากที่ได้ยินคำพูดแปลกประหลาดนั้นในขณะที่ฮันซูทำเพียงยักไหล่และถอยไปอยู่ด้านหลังเสาทั้งห้าและทำให้ตนเองอยู่ในจุดปลอดภัย
‘มันสบายจริงๆ พอมีแทงค์เนี่ย’
ฮันซูรวบรวมมานาทั้งหมดในร่างของเขา รวมทั้งส่วนที่เขาใช้สำหรับการป้องกันขณะที่เขาเริ่มถ่ายเทมันเข้าไปในคมมีดระบาดและส่งมันไปยังหอกอัสนีก่อนจะโยนมันออกไป
TL: จะใช้ NPC แทงค์แบบนี้ไม่ได้ไงปู่