บทที่ 109: อคารอน (4)
บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง
ฮันซูที่ร่างจมอยู่ในของเหลวสีเงินรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นผ่านของเหลวนั้นพร้อมกับรู้สึกชื่นชม
โลหะสีเงินได้เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาไปทีล่ะขั้น
โลหะได้เติมเต็มรูในกระดูกของเขาและปรับเปลี่ยนมัน
ในเวลาเดียวกัน ของเหลวสีเงินที่ได้ไหลซึมผ่านผนังเส้นเลือดก็ได้ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาและเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาทั้งหมด
กล้ามเนื้อที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรตีนเริ่มจะถูกแทนที่ด้วยโลหะ
ฮันซูส่งพลังของเขาไปยังหมัดขณะที่เขามองเห็นกล้ามเนื้อไบเซปของเขากลับกลายเป็นกล้ามเนื้อสังเคราะห์แบบเดียวกับหุ่นยนต์
ครึ่ก
เขารับรู้ถึงพลังที่เขาจะสามารถรับรู้ได้เพียงแค่หลังจากที่รวบรวมรูนได้มากกว่านี้และการเสริมพลังตนเองด้วยมานา
ทารูโฮล เสาต้นที่หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มใหญ่ยามที่มองไปยังฮันซู
“ฮึฮึ มันดีใช่ไหมล่ะ? เจ้าจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีหลังจากออกมาจากที่นั่น มาลองกันสักครั้งหลังจากนี้เถอะ”
ของเหลวได้ปิดกั้นประสาทสัมผัสส่วนมากจากภายนอก
แต่เสียงตะโกนของทารูโฮลที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันนั้นดังเสียจนสามารถได้ยินจากภายในได้
ฮันซูแย้มยิ้มบางกับเสียงตะโกนของทารูโฮลขณะที่เขาขยับปาก
‘ได้สิ แต่หลังจากฉันทำสิ่งที่ฉันต้องทำนะ’
ฮันซูรู้สึกได้ถึงกระแสคลื่นที่ไหลขึ้นลงไปทั้งร่างของเขาขณะที่เขาปิดเปลือกตาลง
พรืดดด
มิเรียนมองอัญมณีสีแดงที่พวกเขาซ่อนเอาไว้ลึกในที่อยู่อาศัยของพวกเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน ทว่าไม่นานก็ได้รีบซ่อนตัวเมื่อเธอรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา
<มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของมนุษย์ ทำให้แน่ใจว่าเธอจะดูแลมันได้ดีในเมื่อมันยากมากที่จะสร้างมันขึ้นมา>
มิเรียนนึกถึงคำพูดที่คนพวกนั้นทิ้งไว้ขณะที่เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่กว่าเดิม
ไม่ช้า ไอเลนก็ปรากฏตัวขึ้นและเอ่ยขึ้นกับพวกเขา
“ที่อยู่ มันโอเคไหม?”
ทาเรสแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมาขณะที่เอ่ยตอบ
“ดีแล้ว จะยังไงก็เถอะ ร่างกายของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
ไอเลนผงกศีรษะขณะที่เอ่ยตอบ
“ขอบคุณ เมื่อพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะให้พวกเขา อวยพร หนี้บุญคุณ ต้องตอบแทน”
ทาเรสรู้สึกราวกับหน้าอกของเขาถูกกรีดแทง ทว่าเขาก็ยังคงเด็ดเดี่ยว
นักบวชหญิงที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายเกลียดพวกเขาอย่างมาก
ไม่สิ มันดูเหมือนว่าเธอชิงชังมนุษย์ทุกคน
พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนักบวชหญิงได้ แม้ว่าไอเลนจะอยู่ฝ่ายพวกเขา
‘สุดท้ายแล้ว… คุณก็ทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีพลัง’
ทาเรสแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา
เขาต้องการจะก้าวข้ามความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ ทว่ามันไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้
มันไม่สำคัญในเมื่อฮันซูดูเหมือนจะสำคัญสำหรับคนพวกนั้น แต่คนอย่างพวกเขาไร้ประโยชน์ต่อนักบวชหญิง
หากนักบวชหญิงตัดสินใจที่จะปิดปากพวกเขา งั้นชีวิตของพวกเขาก็จะสิ้นสุดลงในที่แห่งนี้โดยไม่อาจรอดออกไปได้
‘ใช่แล้ว สิ่งเดียวที่พวกเราจะเชื่อได้… คือมนุษย์’
และพวกเขาก็ได้บอกแล้วเช่นกัน
ทว่าพวกเขาจะไม่ฆ่า
<ทั้งหมดที่เราต้องการมีแค่ความลับของการดัดแปลงร่างกาย มันไม่สำคัญว่าพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ไหน พวกเราแค่ต้องไล่พวกเขาออกไป>
‘… คนพวกนี้ก็จะหนีไปเหมือนกัน’
สิ่งที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่ง
ในเมื่อมันสามารถเห็นได้จากทั้งห้าตนที่อยู่ข้างกายนักบวชหญิง
แต่จำนวนของพวกเขามีน้อยเกินไป และมันดูเหมือนว่าคนที่สามารถต่อสู้ได้จริงๆ จะมีอยู่จำกัด ในทางกลับกัน คนที่จะรุกรานที่นี่คือคนที่แข็งแกร่งขึ้นในเวลาห้าหกปีที่ผ่านมาและเข่นฆ่าราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของงานของพวกเขา
จากการที่อคารอนไม่ได้แสดงตัวบนกรากอซก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฝ่ายไหนมีความแข็งแกร่งมากกว่า
หากพวกเขารับรู้ได้ถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะหนีไป
ในระหว่างนั้น ตอนที่ทาเรสและคนอื่นๆ กำลังปลอบตัวเอง
ตูม! ตูม! ตูม!
แรงสั่นสะเทือนขนาดยักษ์ดังขึ้นพร้อมกับที่ทั้งถ้ำสั่นสะท้าน
“หือออ?”
ทาเรสและคนอื่นๆ ตามไอเลนที่ตื่นตกใจไปขณะที่พวกเขามองไปยังเพดาน
และพวกเขาก็ได้เห็น
ภาพของเพดานที่เต็มไปด้วยอัญมณีจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับดวงดาวกำลังพังทลายลงมา
และคนนับพันก็เริ่มไหลออกมาจากจุดนั้น
“พวกนาย…”
ตุบ
ทาเรสและคนอื่นๆ จู่โจมไอเลนจากด้านหลังและทำให้เธอสลบไปตอนที่เธอพยายามจะมองไปด้านหลังของเธอ
ในเมื่ออคารอนจะรู้ว่าใครเป็นสาเหตุของเรื่องนี้
พวกเขาต้องเข้าร่วมกับคนข้างบนนั่นก่อนหน้านั้น
พวกเขาไม่ได้ฆ่าไอเลนขณะที่พวกเขาทิ้งร่างไร้สติของเธอไว้และวิ่งตรงไปยังกลุ่มคน
ตูม!
“อะไรกัน!”
โอเทออนตะโกนขึ้นกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันจากเพดาน
ทารูโฮลและอีกสี่ตนรีบไปตรวจสอบสถานการณ์เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ประสาทสัมผัสที่แหลมคมของพวกเขาได้รวบรวมข้อมูลจากรอบถ้ำ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ยากที่จะรับรู้แม้ว่าจะไม่มีประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
‘พวกมันกำลังลงมา’
เสาต้นที่หนึ่ง ทารูโฮล กัดฟันกรอด
มนุษย์ที่เขารับรู้ได้มีมากกว่าสามพันคน
ปัญหาคือไม่มีใครในคนพวกนั้นที่ไร้ประโยชน์
‘… มีมนุษย์อย่างน้อยสี่คนหรือมากกว่านั้นที่อยู่ในระดับของพวกเรา’
“ไอ้เวรพวกนั้น! โจมตีพวกเราจากด้านหลัง! ข้าจะฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ!”
เสาต้นที่สี่คำรามออกมาเสียงดัง
ถ้ำของพวกเขาที่ยังไม่ถูกค้นพบได้ถูกเปิดเผยแล้ว
วินาทีที่มนุษย์เข้ามา
การวิ่งตรงไปยังวิหารของเสาที่สี่เพื่อที่จะฉีกร่างของมนุษย์ทั้งสองที่กำลังรับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายอยู่ได้ถูกขัดขวางโดยทารูโฮล
“หยุด ทำไมพวกนั้นจะต้องขอรับการดัดแปลงร่างกายในสถานการณ์แบบนี้หากพวกเขาไม่ใช่คนโง่?”
“…”
“อีกพวกหนึ่ง”
“เวรเอ้ย”
เสาที่สี่คำรามจากนั้นจึงมองไปยังโอเทออนและเอ่ยขึ้น
“นักบวชหญิง ท่านจะทำยังไง?”
โอเทออนแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เราต้องหลบหนี โปรดซื้อเวลาไว้ด้วยนักรบระดับสูงและกลาง ข้าจะพยายามรวบรวมเมล็ดพันธุ์และหลบหนีจากที่นี่ไปก่อนจะเตรียมการอพยพ”
“… เราควรทำแบบนั้น”
ผู้แข็งแกร่งมีหน้าที่ป้องกันเผ่าพันธุ์ของพวกเขาและนักบวชหญิงในยามอันตราย
และนักบวชหญิงมีหน้าที่ในการนำเผ่าพันธุ์ของพวกเขาและทำให้พวกเขารอดชีวิต
วินาทีที่พวกเขาเริ่มอพยพหลังจากที่เตรียมการเสร็จสิ้น ผนังของถ้ำได้เริ่มกลายเป็นหิน
ครึ่ก ครึ่ก
แม้ว่าจะเรียกมันว่าถ้ำ ทว่ามันก็ยังคงเป็นภายในร่างกายของกรากอซ
สีหน้าของโอเทออนแข็งค้างเมื่อเธอเห็นทางออกฉุกเฉินได้กลับกลายเป็นหินไปต่อหน้า
“นี่มันอะไรกัน…”
โอเทออนกัดฟันกรอดเมื่อเธอเห็นโลหะสีเหลือง <นาเดียม> ที่พวกมนุษย์ที่ลงมาโยนออกไป
หนึ่งในสี่สสารที่สามารถส่งผลต่อกรากอซได้
วินาทีที่เลือดเนื้อของกรากอซสัมผัสโลหะนั้น เนื้อจะพลันกลับแข็งกลายเป็นหิน
ครึ่ก ครึ่ก
หินป้องกันกำลังพุ่งมาจากทุกทิศทาง ทว่ามันไม่อาจเข้ามาได้ราวกับว่ามันแทรกตัวกำแพงที่กลายเป็นหินได้อย่างยากลำบาก
“… พวกมันเตรียมตัวมาดีนะเนี่ย”
สีหน้าของทารูโฮลเย็นเยียบขณะที่เห็นมนุษย์สี่คนเดินเข้ามาทางพวกเขาอย่างเชื่องช้า
‘อืม ไม่มีอะไรที่ต้องรีบในเมื่อพวกเราจับพวกมันไว้ได้แล้ว’
“เราจะจัดการพวกตรงนั้นเอง! พวกนายไปที่พวกเด็กๆ ก่อน!”
“โอเค!”
หนึ่งในสี่นักผจญภัยระดับมาร์กอชแย้มยิ้มไปยังทาเรสขณะที่เขาตะโกนไปยังระดับบัลลาดิที่อยู่ข้างหลังเขา
“ฮู่ว ขอบคุณ ทั้งหมดเป็นเพราะนายเลย ฉันจะรักษาสัญญา ฉันยืนยัน”
ทว่าสีหน้าของทาเรสแข็งเกร็งขึ้นเมื่อได้ยินบทสนทนนั้น
เรื่องราวมันต่างออกไป
“ไม่ใช่ว่าพวกนายบอกว่าจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปเหรอ! ทำไมพวกนายต้องทำขนาดนี้! ไม่ใช่ว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ?”
ทาเรสกัดฟันกรอด
ไม่ใช่ว่าแค่จับพวกนั้นเป็นตัวประกันแค่ไม่กี่คนก็พอให้พวกเขาได้รับการดัดแปลงร่างกายแล้วหรือ?
ทำไมพวกเขาต้องไล่ต้อนอีกฝ่ายจนจนมุมและกระทั่งจับตัวเด็กๆ ทั้งหมดเป็นตัวประกันด้วย?
ชายคนนั้นยักไหล่
“โทษที ฉันโกหกนิดหน่อยในเมื่อนิสัยของนายจะไม่ยอมให้พวกเราทำแบบนั้น มันเสียเปล่าเกินไปที่จะฆ่าพวกนั้นหรือปล่อยให้พวกนั้นหนีไป”
มันมีนักรบอคารอนคนหนึ่งที่พวกเขาจับตัวได้ก่อนหน้า
นักรบอคารอนคนนั้นบอกข้อมูลให้กับพวกเขาทันทีที่พวกเขาเริ่มคุกคามเด็กๆ
พวกเขาไม่อาจค้นหาตำแหน่งของวิหารได้เจอเนื่องจากข้อจำกัด ทว่าพวกเขารับรู้ถึงความพิเศษของเผ่าพันธุ์พวกนั้น
จุดอ่อนที่ใหญ่โตที่สุดของพวกเขาคือการที่พวกเขาใส่ใจเด็กๆ มากเกินไป
มันเป็นสาเหตุให้พวกเขามุ่งหน้าไปที่พวกเด็กๆ ก่อน
‘ซึ่งหมายความว่าเราสามารถให้คนพวกนี้สู้แทนเราได้’
ชายที่กำลังขมวดคิ้วไปยังคนจากกิลด์รีโรรีโรเรที่บ้าคลั่งแย้มยิ้มเมื่อเขามองไปยังชายที่มีลักษณะเหมือนสัตว์ป่าจากอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง
หากพวกเขาสามารถจับห้าตนที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาได้ พวกเขาก็จะสามารถบดขยี้กิลด์รีโรรีโรเรได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
มันไม่สำคัญแม้ว่าพวกนี้จะเมินพวกเด็กๆ และโจมตีพวกเขา
ในเมื่อการที่พวกเขาค้นพบตำแหน่งของการดัดแปลงร่างกายก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
ขณะทาเรสแสดงสีหน้าอึ้งตะลึงและสิ้นหวังออกมา ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายก็คำรามออกมา
“ไอ้เวรเอ้ย ทำไมนายถึงได้ทำตัวเหมือนกับว่ามีนายแค่คนเดียวที่ใจดี? นายคิดเหรอว่าพวกเราทำแบบนี้เพราะพวกเราอยากทำ?”
“…”
“สิงโตอาจจะดูแข็งแกร่งสำหรับจิ้งจอกอย่างนาย แต่มันก็น่าเหนื่อยสำหรับพวกเราเหมือนกัน นายคิดว่านายเป็นคนเดียวที่มีเรื่องต้องกังวลหรือไง?”
ไม่สิ สิงโตยังรักษาศักดิ์ศรีของมันไว้ ไม่เหมือนจิ้งจอก
ดังนั้นแล้ว มันจึงยากยิ่งกว่า
“ความจริงแล้ว เรารู้สึกกลัวทุกครั้งที่เราเห็นมัน สิ่งที่นายรวบรวมมา”
“…”
“ดูสิ นายจะจัดการคนที่แข็งแกร่งทุกครั้งที่นายมีโอกาส อย่างน้อยเผ่าพันธุ์ของพวกเราก็แตกต่างกัน เจ้าโง่ ไม่ใช่ว่านายกำลังทำความสะอาดเผ่าพันธุ์อยู่รึไง?”
มันน่ากลัว แต่มันมีเหตุผลที่เหล่าคนที่แข็งแกร่งจะรวมตัวกันได้
มันคือการกระตุ้น
หากคนคนหนึ่งแข็งแกร่งและสะดวกสบาย พวกเขาก็จะเริ่มขี้เกียจ
มันเป็นสาเหตุให้พวกเขารวมตัวกันเพื่อที่พวกเขาจะสามารถผลักดันและขัดเกลาตนเองได้อยู่เสมอ
ในขณะที่มองเห็นจุดจบของพวกที่มัวแต่ขี้เกียจอยู่ด้านล่าง
ผู้หญิงที่ตื่นขึ้นจากกลิ่นอายการต่อสู้ส่ายศีรษะขณะที่เธอเอ่ยขึ้นกับทาเรส
“ฉันเองก็ต้องทำงานเหมือนกัน โทษที แค่ไปซ่อนอยู่ในมุมจนกว่าเราจะทำงานเสร็จแล้วกัน”
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้น การต่อสู้ก็ไม่มีทางง่าย
‘แต่ยังไงเราก็จะชนะ…’
ผู้หญิงสลัดความรู้สึกไม่สบายตัวออกไปขณะที่เธอตวาดไปยังอคารอนทั้งห้าที่อยู่ห่างออกไป
“พวกนายจะหนีไปไหน? เราเตรียมตัวมาค่อนข้างดีสำหรับพวกนายเลย”
จากนั้นผู้หญิงจึงหมุนสร้อยคอในมือของเธอ
สีหน้าของทารูโฮลแข็งค้างเมื่อเห็นสิ่งนั้น
“… คาลัม”
สร้อยคอของคาลัม นักรบที่หายตัวไปในระหว่างการลาดตระเวนเมื่อหกเดือนก่อน
และพวกอีกฝ่ายจำนวนหนึ่งได้จงใจมุ่งหน้าตรงไปยังพวกเด็กๆ
“ไอ้เวรพวกนี้!”
วินาทีที่เสาทั้งห้าขยับไปด้านหน้า แสงสว่างจ้าของสกิลก็ได้ระเบิดออกจากร่างของผู้หญิงและอีกสี่คน
ในเวลาเดียวกัน อคารอนและลูกกิลด์จำนวนมากก็ได้เริ่มทำตามตัวอย่างของผู้นำพวกเขา
“อ๊ากกกก!”
“กำจัดพวกมัน!”
กิ้ง
ฉัวะ
ภาพอันบ้าคลั่งของการสังหารหมู่ได้เริ่มต้นขึ้น
อคารอนแสดงให้เห็นถึงพลังต่อสู้อันมหาศาลของพวกเขาขณะต่อสู้อย่างจนตรอกเพื่อที่จะปกป้องเผ่าพันธุ์ของพวกเขา และมนุษย์ได้ลืมเลือนความต้องการที่จะจับเป็นอีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นทหารและเริ่มต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา
มันอาจจะต่างออกไปหากฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งกว่า แต่อาการบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายเริ่มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพลังโดยรวมของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างใกล้เคียงกัน
ทว่ามันชัดเจนว่าฝ่ายไหนที่ได้เปรียบ
ร่างกายของอคารอนนั้นเหมือนกับสัตว์ประหลาด ทว่าพวกเขามีพลังโจมตีที่ไม่รุนแรง
เหมือนกับตัวแท้งค์ในเกม
พวกเขากำลังถูกดันถอยไปอย่างเชื่องช้าโดยมนุษย์ที่โจมตีพวกเขาด้วยสกิลจำนวนมากห่างออกไป
และอคารอนยังมีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่อีกอย่าง เด็กๆ
‘นี่… มันไม่ควรเป็นแบบนี้’
ทาเรสแสดงสีหน้าราวกับวิญญาณกำลังหลุดลอยออกจากร่างขณะที่มองไปยังการสังหารหมู่เบื้องหน้าเขา
มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้
ทาเรสที่มองไปยังสนามรบด้วยแววตาว่างเปล่ากัดฟันกรอดและเริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปยังบางแห่ง
ทาเรสมองไปยังหอคอยใหญ่โตโล่งว่าง วิหาร อยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งเข้าไปด้านใน
จากนั้นเขาจึงมองไปยังถังสีเงินขนาดยักษ์ภายในวิหารและตะโกนออกไป
“ฮันซู! ได้โปรด! พวกเราต้องการนาย!”
ทาเรสได้ไปถึงจุดที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจเข้าใจในตัวเอง
พลังของผู้ที่มาไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
มันคงจะยากในการจะพลิกโต๊ะแม้ว่าฮันซูจะออกมา
แต่วินาทีที่เขาคิดถึงการช่วยเหลืออคารอน ฮันซูได้ปรากฏขึ้นในสมองของเขา
มันเป็นสาเหตุให้เขาวิ่งมาที่นี่
ทาเรสฟาดหมัดของเขาไปยังถังสีเงินที่ราบเรียบขณะที่เขาตะโกน
“ได้โปรด! ได้โปรด!”
ทว่าถังนั้นกลับทำเพียงสิ่งที่มันควรจะทำและยังคงสงบนิ่ง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
ทาเรสแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาหลังจากที่กระแทกกำแพงถังนั้นมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ จากนั้นจึงทรุดอยู่ตรงนั้น
‘ใช่แล้ว มันไม่มีเหตุผลให้เขาออกมาซะหน่อย’
ฮันซูสามารถยืนอยู่ที่ฝ่ายของมนุษย์ได้
ทำไมเขาต้องเป็นศัตรูกับมนุษย์ด้วย
วินาทีนั้นเองที่ถังสีเงินเริ่มปรากฏฟองอากาศขณะที่ร่างมนุษย์ร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากมัน
ทาเรสมองไปยังชายที่ออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างยินดี
“นายออกมาแล้ว!”
ทาเรสผงะไปเมื่อเขาเห็นร่างของฮันซู
แม้ว่าฮันซูจะแข็งแกร่ง ทว่าร่างกายของเขาก่อนหน้าไม่ได้ดูสุดยอดขนาดนั้น
ในเมื่อร่างกายของคนคนหนึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะออกกำลังกายในโลกใบนี้
ซึ่งหมายความว่าร่างกายของเขาเป็นเพียงร่างของมนุษย์ปกติเหมือนตอนที่เขามายังโลกใบนี้
ไม่สิ มันกระทั่งเลวร้ายกว่ามนุษย์ทั่วไปซะอีก
ในเมื่อเขาผอมมาก
แต่ฮันซูที่ออกมาในตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เขาสูงถึงสองเมตร และร่างของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้
วินาทีที่ทาเรสแข็งค้างไปกับกลิ่นอายเข้มข้นนั้น ฮันซูก็เพ่งประสาทสัมผัสของเขาไปตรวจสอบสนามรบก่อนจะถอนหายใจ
‘ไม่เหลือใครที่มีสติแล้ว’
“ฉันจะไปก่อน”
ตูม!
ฮันซูที่หยิบของของเขาข้างถังได้เริ่มวิ่งตรงไปยังสนามรบด้วยความเร็วที่ไม่อาจเทียบกับก่อนหน้าได้
ตูม! ตูม!
ทาเรสมองไปยังพื้นที่ดูราวกับผ่านแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาด้วยสีหน้าว่างโล่ง จากนั้นจึงเริ่มวิ่งไปยังสนามรบราวกับคิดถึงบางอย่างได้
TL: ปู่แปลงร่างงง
แต่จริงๆ ชอบแบบเดิมมากกว่านะ…//ถอนหายใจ
กลายเป็นหุ่นกล้ามปูไปแล้วว แงง