บทที่ 107: อคารอน (2)
กรอดด
ไอเลนมองไปยังฮันซูที่ทำให้เธอหมดสติก่อนหน้าก่อนจะกัดฟันแน่น
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้ข้อมูลของตำแหน่งด้วยการกระทำแบบนี้หรือ?”
ฮันซูถอนหายใจขณะมองไปยังเตกิลอนและทาเรส
ในสถานการณ์ที่ข้อมูลส่วนมากไม่อาจเปิดเผยได้เนื่องจากการร่วงหล่นสู่อบิส เขาจำเป็นต้องเข้าสู่โหมดชักจูง
ทำไมเธอจึงจะยินดีบอกเขาและร่วมมือหากเขาทำตัวเกรี้ยวกราดในสถานการณ์ที่เพียงแค่การโน้มน้าวก็เพียงพอ?
มันคือสิ่งที่จะทำให้ถูกมองเป็นขโมยที่กำลังค้นหาวิหารไปอย่างสมบูรณ์
“ได้โปรด”
การชักจูงถูกใช้ออกด้วยอารมณ์ ไม่ใช่ด้วยหลักเหตุผล
เตกิลอนเริ่มที่จะครุ่นคิดถึงคำพูดของฮันซูที่เอ่ยขอให้เขาโน้มน้าวไอเลน
‘… ข้าจะเชื่อหมอนี่ได้จริงๆ หรือ?’
เขารู้หลังจากที่เห็นอีกฝ่าย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หมอนี่เองก็สิ้นหวังพอๆ กับเขา
เพื่อที่จะช่วยเหลืออคารอน
และเขาได้ยินหลังจากที่ขึ้นมายังที่นี่
มนุษย์ได้ทำราวกับว่าพวกเขาเป็นกล่องสมบัติขนาดยักษ์
บางอย่างที่จะมอบความแข็งแกร่งให้แก่พวกเขาเมื่อพวกเขาพบมัน
เขาไม่รู้ แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเผ่าพันธุ์ของเขาไม่ได้รู้สึกดีกับมนุษย์มากนักหรอก
ในเมื่อมนุษย์คือปรสิตที่ดูดกลืนเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของพวกเขา
และท่อที่ได้ลดลงไปถึงพื้นที่สีดำก็อยู่ในสถานการณ์วิกฤต
มันหมายความว่าของเหลวในร่างกำลังขาดแคลนอย่างรุนแรง
หากมันมีสงครามขึ้นระหว่างมนุษย์และอคารอนในสถานการณ์ที่กรากอซเป็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยที่ฮันซูเกาะติดอคารอน
เตกิลอนกัดฟันกรอด
มันไม่มีเหตุผลให้ติดตามไปถ้าสุดท้ายแล้วเขาก็จะถูกเขี่ยทิ้งจากความแข็งแกร่ง
‘ทีล่ะน้อย… ข้าต้องเตรียมตัว’
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเรือลำเดียวกันตอนนี้ ทิศทางที่พวกเขามองไปกลับแตกต่างกัน
ในสถานการณ์จนตรอก คนที่อ่อนแอกว่าจะต้องเป็นฝ่ายจมน้ำและคนที่แข็งแกร่งกว่าคือผู้ที่จะได้ครอบครองเรือแล่นตรงไปยังจุดหมาย
และจากสถานการณ์ในยามนี้ มันดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อย่างชัดเจน
‘แต่ในเมื่อเราอยู่บนเรือลำเดียวกัน… ข้าต้องช่วย’
ในเมื่อพวกเขาจะตายกันหมดหากพวกเขาไม่ไปรายงานเรื่องนี้ให้กับวิหาร
ทางออกเมื่อระดับของเหลวอยู่ในพื้นที่สีดำนั้นเรียบง่าย
<หลบหนี>
มันไม่น่าแปลกหากกรากอซจะพลิกตัวในตอนไหน
และนี่เป็นเวลาที่ฝ่ายนักบวชมีอำนาจแข็งแกร่งที่สุด
เตกิลอนมองไปยังไอเลน
แถบคาดสีเขียวเจ็ดแถบบนผมของเธอ
และเครื่องประดับสองชิ้นบนนิ้ว
“เจ้าคือบุตรีแห่งเผ่าอนทาริม อนทาริม แทน อาคัม ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
ดวงตาของไอเลนหรี่ลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ในเมื่อมันไม่ใช่ชื่อที่จะออกมาจากปากของคนเผ่าอื่น
อนทาริม แทน อาคัม
ผู้นำเผ่าอนทาริมที่อพยพมาเมื่อห้าสิบปีก่อนพร้อมกับทั้งเผ่า
เตกิลอนกระซิบไปยังใบหูของไอเลนขณะมองไปยังใบหน้าสับสนนั้น
“ข้าคือหนึ่งในสิบสามเมล็ดพันธุ์ ผู้สืบทอดลำดับที่สิบเอ็ดของเผ่าคาลู เตกิลอน อา คาลู”
ไอเลนสะดุ้ง
มันเป็นเรื่องที่ก่อนเธอจะเกิดเสียอีก
แผนการที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่สิงโตขาว <ลาร์เนอร์> ที่เป็นที่ตั้งของอาณาจักรของพวกเขาจะจมลงสู่ใต้ลาวา
สิบสามเมล็ดพันธุ์
จากเมล็ดพันธุ์ที่หนึ่ง เอลคาเดียน สู่เมล็ดพันธุ์ที่สิบสาม ทีเนอร์
ขณะที่ไอเลนแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่อยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์เบื้องหน้านี้คือผู้ที่ล่องลอยออกไปไกลด้วยเพียงแค่วิญญาณเพื่อที่จะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเขา เตกิลอนก็ปลดการแปลงร่างของเขาออก
และจากนั้น รูปลักษณ์หน้าตาของเอลวินไฮล์มจึงได้ปรากฏขึ้นในสายตาของไอเลน
‘… เขาไม่ใช่มนุษย์’
เขารู้ข้อมูลที่มนุษย์ และกระทั่งอคารอนส่วนมากไม่รู้
ไอเลนทำได้เพียงยอมรับว่ามันเป็นความจริง
ว่าเขาคือหนึ่งในสิบสามผู้ช่วยเหลือที่ถูกส่งไปยังต่างโลก
ไอเลนแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมาเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือของเตกิลอนเอาไว้และตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย
วิธีการสื่อสารที่จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่อาจสร้างเสียงออกไปได้แม้เพียงนิด การสื่อสารโดยใช้กล้ามเนื้อ
หากเขาคือหนึ่งในอคารอนจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ต้องเข้าใจคำพูดทั้งหมดที่ถูกส่งผ่านไปด้วยกล้ามเนื้อมือที่สั่นสะท้านเพียงเล็กน้อย
<ทำไมถึงได้มาเอาตอนนี้? ภารกิจล้มเหลวงั้นหรือ?>
เตกิลอนคิดถึงการสื่อสารในระหว่างการล่าของพวกเขาขึ้นในยามนี้
‘ข้าควรจะใช้มันให้เร็วกว่านี้’
เตกิลอนนึกถึงความรู้ทั้งหมดของเขาขณะที่เขาใช้กล้ามเนื้อของมือเขาในการตอบประโยคนั้น
ภาษาของพวกเขาที่เขาแทบจะลืมเลือนไปในเมื่อเขาไม่ได้ใช้มันมากว่าร้อยปี
<ล้มเหลว แต่… ครั้งนี้ จะไม่ล้มเหลว เผ่าพันธุ์ของเรา รักษา กลับมา>
มันเป็นการสื่อสารที่ตะกุกตะกักอย่างมาก แต่สีหน้าของไอเลนผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง
เธอไม่รู้เกี่ยวกับคนที่เตกิลอนนำมามากนัก แต่จากที่เตกิลอนเอ่ย เขาคงมีแผน
ในขณะที่ไอเลนลุกขึ้นอย่างระมัดระวังหลังจากผงกศีรษะ ข้อความที่ถูกส่งทิ้งท้ายก็ได้ปรากฏขึ้นที่มือของไอเลน
<มนุษย์ข้างหลัง อย่าได้เชื่อพวกเขาทุกคน ระวังตัวไว้>
ไอเลนชะงักไปชั่วครู่ ทว่าก็ยืนขึ้นราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นขณะที่เธอเริ่มนำทางพวกเขาไปยังทิศทางหนึ่งในอุโมงค์มด
ตึก
ไอเลนมองไปยังกลุ่มชายสามหญิงสาม รวมทั้งทาเรส
“… พวกเจ้าจะตามไปด้วยหรือ? ความปลอดภัยไม่อาจรับรองได้ อันตราย นั่นแหละ”
เธอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชนชั้นล่างในเผ่าของเธอ
เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้
และพวกเขาต้องป้องกันตนเอง
ทาเรสและคนอื่นๆ ผงกศีรษะ
“อย่ากังวลเลย เราปกป้องตนเองได้”
พวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?
ไอเลนผงกศีรษะหลังจากที่รู้สึกเป็นห่วงพวกเขาเล็กน้อย
มันไม่สำคัญมากนักว่าเธอจะพาคนไปด้วยหนึ่งคนหรือหลายคน
กฎในการที่ต้องตอบแทนบุญคุณได้ทิ่มแทงเธออย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเธอจึงไม่อาจลงมือฆ่าพวกเขาได้
‘ตอบแทนบุญคุณ’
ในเมื่อพวกเขาต้องการไปมากขนาดนี้ เช่นนั้นก็พาพวกเขาไปเป็นการตอบแทน
แต่ทาเรสไม่อาจปกปิดหัวใจที่เต้นแรงจากคำตอบของไอเลนได้
‘ในที่สุด… พวกเราก็จะได้ไปที่วิหาร’
ตอนนี้เขาเป็นนักผจญภัยปีห้า
หากเขาสามารถเข้ารับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย งั้นเขาก็อาจจะตามโซเฟียที่แสดงพลังในระดับของนักผจญภัยปีหกได้ทัน
‘ใช่แล้ว เธอต้องให้โอกาสพวกเราหกคนก่อนอีกสองคนที่เธอเพิ่งเจอแน่’
ในขณะที่ความคิดของเขาล่องลอยไปไกล ไอเลนก็พลันหยุดวิ่ง
‘…?’
ในขณะที่ทาเรสมองไปยังไอเลนที่หยุดยังสถานที่หนึ่งที่ดูคล้ายกับที่ที่พวกเขาวิ่งผ่านมาก่อนหน้า ไอเลนก็ยัดกำปั้นเข้าไปในปากของเธอก่อนจะเริ่มอ้วกเอาบางอย่างออกมา
“อ่อก.. อึก”
‘หืม…’
ไอเลนเอ่ยไปยังคนรอบๆ ขณะที่ทาเรสขมวดคิ้วและมองไปยังไอเลนที่นำเอาหินสีเขียวขนาดเท่านิ้วโป้งออกมาจากภายในตัวเธอ
“ข้างๆ ข้า มาใกล้ๆ”
“หืม?”
ผู้คนได้ไปรวมตัวรอบไอเลนอย่างเชื่องช้าจากคำพูดของเธอ และไม่ช้า ของไหลบางอย่างที่ดูคล้ายกับสไลมก็ปรากฏขึ้นจากกำแพง
พรวดด
“เฮ้ย!”
กระทั่งก่อนที่พวกเขาจะได้ตกใจ สไลมหินสูงกว่าสิบเมตรก็ได้กลืนร่างของไอเลนที่ถือหินสีเขียวเอาไว้ในมือและคนอื่นๆ เข้าไป
พรืดดด
ฮันซูแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมายังสไลมหินที่ไหลผ่านเส้นเลือดไปยังสถานที่ที่ไม่อาจล่วงรู้หลังจากที่กลืนพวกเขาเข้าไป
ในเมื่อมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันด้วยตนเองแม้ว่าจะเคยได้ยินถึงมันมาแล้ว
‘นี่คือหินป้องกันของกรากอซสินะ’
<หินป้องกัน>
สิ่งมีชีวิตที่กรากอซปล่อยให้อยู่ภายในร่างของมันเพื่อที่จะจัดการสิ่งที่อาจสร้างความเสียหายที่มันรับเข้ามาในร่างขณะที่กินหิน
มันมีเพียงสี่อย่างที่สามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์นี้ได้
หินป้องกันจะจดจำสี่สิ่งนั้นเอาไว้ และเมื่อมันรู้สึกถึงสสารนั้นเข้ามาใกล้ที่สามารถส่งผลต่อมันได้ มันจะเข้าไปโอบล้อมสสารนั้นและนำมันออกไปด้วย <วิธีการกลั่นกรอง> ในทันที
หินสีเขียวในมือของไอเลนคือหนึ่งในสี่สสารนั้น
‘ถ้ามันเป็นสีเขียว มันคงเป็นเกรปไฟร์ต เกรปไฟต์สามารถดูดซึมของเหลวในร่างของกรากอซได้’
หินสีเขียวขนาดเล็ก <เกรปไฟร์ต> จะดูดซึมเอาของเหลวในร่างของกรากอซเข้าไปทันทีที่ตกลงในนั้น จากนั้นจึงจะขยายขนาดออกนับหมื่นเท่า
มันเป็นสาเหตุให้หินป้องกันจะออกมาเมื่อมันเข้ามาใกล้เส้นเลือดเพื่อที่จะนำมันออกไปด้วยการกลั่นกรองและทำลายมัน
พรืดดด
หลังจากที่ถูกกวาดไปด้วยคลื่นเป็นเวลานาน พวกเขาจึงสามารถมองเห็นโซ่นับสิบที่ถูกแขวนเอาไว้ห่างออกไปได้
‘หือ?’
ไอเลนเอ่ยขึ้นกับคนรอบๆ ขณะที่มองไปยังโซ่เหล็กเหล่านั้น
“เตรียมตัว ต้อง จับมัน”
ทันทีที่ไอเลนเอ่ยตบ เธอก็กลืนเอาหินสีเขียวที่เธอเอาออกมาก่อนหน้าเข้าไป
<…>
หินป้องกันที่ล้อมรอบร่างของพวกเขาสลายหายไป
ในเมื่อสาเหตุที่ทำให้มันทำงานหายไป
ในเมื่อมันไม่มีอะไรให้กำจัด มันก็ไม่มีความจำเป็นในการรักษาร่างของมันเอาไว้อีกต่อไป
หินป้องกันปล่อยร่างของพวกเขาออกไปอย่างอัตโนมัติ
“เฮือก!”
พรวดดด
มันถูกเรียกว่าของเหลว ทว่าของเหลวในร่างของกรากอซนั้นข้นและหนืดอย่างมากในเมื่อมันสร้างขึ้นจากการกินหินและลาวา
ทาเรสผวาไปกับของเหลวที่หนักและข้นจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจเทียบกับน้ำได้กำลังผลักร่างของพวกเขาไป
ทาเรสพยายามที่จะตามไอเลนไป ทว่าไอเลนก็แทบจะจับโซ่เอาไว้ไม่อยู่ขณะที่มุ่งหน้าไปยังด้านนอก
“ช่วย… ด้วย!”
โซเฟียถอนหายใจขณะที่เธอมองไปยังทาเรส
‘ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นผู้มีพระคุณ การเอาพวกเขาไปจะทำให้พวกเราสบายขึ้นที่วิหารใช่ไหม?’
โซเฟียชั่งใจในการช่วยเหลือคนอื่นในยามที่พวกเขาต้องการขณะที่เธอใช้สกิลออกไป 2-3 สกิลเพื่อที่จะลากร่างของชายหญิงทั้งหกออกมา
“แฮ่ก… แฮ่ก”
ทาเรสหอบหายใจหลังจากที่ออกมาจากเส้นเลือด ทว่าจากนั้นก็จมลงสู่ความหวาดผวาเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าเขา
“หวา…”
มันเป็นโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้ำขนาดยักษ์ที่สูงนับร้อยเมตรและกว้างมากกว่าสนามฟุตบอลส่วนมากได้อยู่เบื้องหน้าพวกเขา
หินแปลกประหลาดนับสิบบนเพดานกำลังส่องประกายราวกับแสงจันทร์ออกมาสร้างความสว่างให้กับภายในถ้ำ ขณะที่ถ้ำนับหมื่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออาศัยอยู่ได้ปรากฏขึ้นที่หลายๆ มุมของถ้ำ
และมีสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดอยู่ตรงกลาง
หอคอยสองหอคอยที่ดูเหมือนจะเลียนแบบเขาของสิ่งมีชีวิตที่เผชิญหน้ากันขณะที่พวกมันตั้งตระหง่านขึ้นจากพื้นไปสู่เพดาน
‘จะมีใครมาเจอได้ยังไงถ้าหากต้องเข้ามาแบบนี้…’
แต่ทาเรสทำได้เพียงแค่เงียบปาก
ในเมื่อเขาเห็นอคารอนกำลังพุ่งมาที่พวกเขาด้วยกลิ่นอายที่ดุดันอย่างมาก
ไอเลนสูงสองเมตร ทว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กเมื่อเทียบกับพวกที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
โดยเฉพาะห้าตนด้านหน้า พวกเขามีความสูงเกือบจะถึงห้าเมตร
‘… พวกเขาคือระดับบารองงั้นเหรอ?’
ฮันซูเดาะลิ้นเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายดุดัน
กลิ่นอายที่กำลังบอกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะมาร์กอชได้โดยไม่ต้องใช้สกิลหรืออาร์ติแฟคใดๆ
และอคารอนตนหนึ่งได้ก้าวออกมาจากระหว่างระดับบารอง
แม้ว่าเธอจะสูงเพียงแค่สามเมตร เธอก็มีเครื่องประดับถึงเจ็ดชิ้นที่แสดงถึงอำนาจอันสูงสุด
‘แม่ชี’
ในขณะที่ฮันซูกำลังมองไปยังแม่ชี ไอเลนก็เดินออกไปก่อนจะกระซิบบางอย่างเบาๆ กับอีกฝ่าย
แม่ชีแสดงสีหน้าเย็นเยียบออกมาใส่ฮันซูหลังจากได้ยินเรื่องราว
“เจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะแก้ปัญหา? และคนที่นำหมอนั่นมาคือเมล็ดพันธุ์?”
เตกิลอนพยายามที่จะทักทายอีกฝ่ายด้วยวิธีการเก่าแก่ของอคารอน ทว่าเขากลับรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ
กลิ่นอายไม่เป็นมิตรดุดันอย่างถึงที่สุด
การที่พวกเขามีท่าทีเช่นนี้แม้ว่าไอเลนจะเปิดเผยฐานะของพวกเขาแล้ว
ในตอนนั้นเองที่แม่ชีส่ายศีรษะและตะโกนออกไป
“ผู้ที่ไม่มีร่างกายของพวกเรา… ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์เรา เจ้าค่อนข้างจะอวดดีไม่น้อยเลยนะในฐานะของผู้ที่ทำภารกิจล้มเหลว ฆ่าให้หมด ใช้เลือดของพวกมันสังเวยให้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเตรียมการอพยพ!”
สิ้นประโยค โซเฟียก็รู้สึกหน้ามืดจากประสาทสัมผัสของเธอ
<!!!!!>
ในเมื่อเสียงเตือนจำนวนมหาศาลกำลังดังก้องในสมองของเธอ
ห้องสมุดที่มักจะบอกถึงทางรอดชีวิตให้แก่เธอเสมอไม่อาจจะบอกข้อมูลได้แม้แต่น้อย
ซึ่งหมายความว่าเธอไม่อาจหนีรอดไปได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ไม่สิ แค่ร่างกายใหญ่โตที่กำลังเดินมาหาพวกเขาก็เกินกว่าคำว่าพอในการบดขยี้พวกเธอทั้งหมดแล้ว
“… นายคาดการณ์สถานการณ์นี้เอาไว้ด้วยหรือเปล่า? พวกเขาเหมือนรู้แค่ภาษาของพวกเรา แต่คำพูดของพวกเราไม่ได้ดูเหมือนว่าจะส่งไปถึงพวกเขาเลย”
ในขณะที่โซเฟียกัดฟันกรอดใส่ฮันซู ฮันซูก็ส่งพิราบสื่อสารสีแดงไปยังแม่ชี
ข้อมูลและมรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยเอลคาเดียน เมล็ดพันธุ์ที่หนึ่ง
‘มันไม่มีอะไรดีหากมีคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป’
ตูม!
ในตอนนั้นเองที่ระดับบารองที่เข้ามาใกล้พวกเขาได้ฟาดพิราบสื่อสารจนกลายเป็นผุยผง
พิราบสื่อสารสีแดงได้กลายเป็นฝุ่นไปด้วยกำปั้นของระดับบารองและหายไป
‘… ไอ้พวกไร้สมองนี่’
ฮันซูเดาะลิ้นกับท่าทีของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่แม้แต่ต้องการจะเจรจา
TL: หยิ่งเก่งงงง