บทที่ 103: การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย (3)
ฟึ่บ!
ฮันซูวิ่งตรงไปยังทิศที่เคนชี้อย่างบ้าคลั่ง
‘เราต้องเอาพวกนั้นออกมาก่อนที่เวลาจะหมดแล้วค่อยถอย’
มันจะมีปัญหาถ้าหากพวกเขาถูกจับได้ในสถานที่แบบนี้
สุดท้ายแล้ว พวกเขาจึงมาถึงจุดหมายหลังจากที่วิ่งมาเป็นเวลานาน
อุโมงค์ใต้ดินขนาดยักษ์
มันมีสิ่งก่อสร้างจำนวนมากรอบอุโมงค์ที่ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นจากต้นไม้ที่ถูกตัดลง
‘ด่าน’
หนึ่งในทางเข้านับร้อยของอุโมงค์มด
และสถานที่ที่ผู้คนที่ดูแลทางเข้าออกอาศัยอยู่
มันอาจจะต่างออกไปหากพวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่กิลด์ไม่ได้ครอบครองอยู่ แต่อุโมงค์มดทั้งหมดภายในบริเวณที่มีกิลด์ครอบครองจะมีด่านตั้งไว้เช่นนั้น
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าสร้างความวุ่นวายขึ้นภายในอุโมงค์มด
ในเมื่ออุโมงค์มดนั้นซับซ้อนเสียก่อนกระทั่งผู้ที่คอยดูแลมันอยู่ไม่ได้รู้ถึงเส้นทางทั้งหมดของมัน ดังนั้นแล้ว หากมีใครบางคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเข้าไปด้านในและอาละวาด เช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นเรื่องยากอย่างมากในการจับคนคนนั้น
ด่านได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะป้องกันสถานการณ์เช่นนั้น
ลูกกิลด์ที่ยืนอยู่ที่ด่านสาดสกิลจำนวนมากใส่ฮันซูพร้อมกับตะโกน
“เฮ้! นายทำอะไรของนาย! พื้นที่นี้เป็นเขตหวงห้าม!”
‘นักผจญภัยปีห้ากับอีกสิบสามเดือน เพิ่งจะเข้าปีที่หก’
มันไม่มีคนอ่อนแอปรากฏอยู่
ระบบที่ใช้พวกอ่อนแอป้องกันอยู่ที่ทางเข้าและเอาผู้ที่แข็งแกร่งกว่าไว้ด้านในเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพียงแค่ในเกม
คนที่ถูกส่งออกมาเพื่อจัดการผู้บุกรุกและป้องกันอุโมงค์มดล้วนเป็นเหมือนกับประตูปราสาทของกิลด์
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมส่งคนที่แข็งแกร่งมา
‘ระดับของโซเฟียไม่อาจเอาชนะพวกนั้นได้’
เขาต้องลงมือ
ในเสี้ยววินาที แสงสีเหลืองได้เริ่มรวมตัวกันที่ปลายหอกของฮันซู สามง่ามอัสนี
มันไม่ใช่แสงของพลังสนับสนุนมังกรปีศาจ แต่เป็นแสงสีเหลืองของคมมีดระบาด
ชี่
‘เอาแค่ให้พวกนั้นเกือบตายก็พอ’
คนพวกนี้ทำอะไรผิด?
เขาเป็นเพียงแค่ผู้บุกรุกคนหนึ่งในสายตาของคนพวกนั้น และพวกนั้นเพียงแค่ทำสิ่งที่พวกนั้นต้องทำ
‘แต่ฉันก็ยังคงไม่อาจเสียเวลาได้’
ฮันซูได้ทดสอบคมมีดระบาดกับหลายสิ่งอย่างสัตว์อสูรก่อนที่เขาจะขึ้นมา
และผลลัพธ์นับว่าน่าพึงพอใจอย่างมาก
‘มันไม่ใช่ว่าฉันสามารถทำได้เพียงแค่สร้างสปอร์หรือราขึ้นมาได้แค่ก้อนเดียว’
จำนวนของสิ่งที่เขาสามารถใช้ได้ในตอนนี้มีทั้งหมดสามอย่าง
ฮันซูใช้แบบที่สองออกมา
พรึ่บ!
ผงแป้งสีเหลืองกระจายออกจากปลายหอกไปทุกทิศทาง
ลูกกิลด์รีโรรีโรเรชะงักไปเล็กๆ ขณะที่มองแป้งเหล่านั้นลอยมาหาพวกเขา
แต่จากนั้นจึงหัวเราะใส่ฮันซู
‘ใช้พิษโง่ๆ แบบนี้’
คนคนหนึ่งจะได้รับอันตรายอย่างมากหากพวกเขาไม่อาจที่จะป้องกันสกิลประเภทพิษได้
แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ผลรางวัลเล็กๆ สำหรับการที่มันใช้ได้ยาก
พิษจะแสดงผลออกมาก็ต่อเมื่อมันเข้าไปในร่างหรือสัมผัสร่างของพวกเขา แต่ถ้ามันไม่ได้ผล มันก็ไม่ต่างจากการถูกสาดแป้งใส่
มันเป็นสาเหตุให้คนที่เชี่ยวชาญในการใช้สกิลพิษจะใช้มันเป็นอาวุธลับหรือว่าปล่อยมันออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
มันอาจจะต่างออกไปหากมันเป็นของเหลวหรือของแข็ง แต่การที่หมอนั่นสาดแป้งออกมาแบบโง่ๆ เช่นนั้น
ผู้ที่กลายเป็นนักผจญภัยปีหกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แอนเดอร์สัน รีบใช้สกิล <ลมหายใจแผ่วเบา> ของเขาและขยายมันให้ครอบคลุมไปยังพวกเขาทั้ง 14 คน
หนึ่งในสกิลระดับต่ำที่ใช้ในการรวบรวมอากาศและสร้างกำแพงขึ้น
เขาได้เรียนรู้มันจากในบทฝึกซ้อมและไม่เคยใช้มันในเมื่อผลของมันบัดซบมาก แต่มันก็ดีพอที่จะใช้ป้องกันผงพวกนี้
การโยนสกิลออกมาด้วยความร้อนรนเพียงเพราะศัตรูใช้สกิลนั้นเป็นสิ่งที่มีแค่มือใหม่เท่านั้นที่จะทำ
การใช้สกิลให้ได้ผลมากที่สุดจากประสบการณ์นั้นเป็นหนึ่งในพื้นฐานของพื้นฐานที่สุด
‘ก็แค่เสียมานาไปเปล่าๆ’
ในตอนนั้นเองที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
ครึ่ก
ฟึ่บ
ผงแป้งสีเหลืองที่ถูกสาดไปในอากาศได้ครอบคลุมบางอย่างที่โปร่งใสไว้ชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มกัดกินกำแพงมานานั้น
แอนเดอร์สันผวาไปกับภาพที่เห็น
‘เฮ้ย! พิษกลืนปีศาจ?’
มันมีพิษที่ยุ่งยากมากๆ ในบรรดาพิษทั้งหลาย
พิษที่จะกัดกินทุกอย่าง รวมทั้งสกิลที่สร้างขึ้นจากมานา
พวกเขาได้แบ่งแยกพิษพวกนั้นออกเป็นอีกชนิดหนึ่ง และให้ชื่อพวกมันว่าพิษกลืนปีศาจ
พิษอันทรงพลังที่กลืนกินแม้แต่มานาหรือสกิล
พิษที่กินมานา
แต่แอนเดอร์สันแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
‘ไม่มีทาง นั่นมันไม่ใช่พิษประเภทพิษกลืนปีศาจ!’
มีหรือที่แอนเดอร์สันจะใช้เพียงแค่กำแพงอากาศหากเขารู้ว่ามันคือพิษกลืนปีศาจ?
พิษกลืนปีศาจเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว แต่พวกมันมีจำนวนไม่มากนัก
มันมีทั้งหมดหกชนิดที่เป็นที่รู้กันทั่วทั้งบทฝึกซ้อม เขตสีแดง และเขตสีส้มรวมกัน
และทั้งหมดล้วนมีสีแดงสด
เขาไม่เคยได้ยินถึงพิษสีเหลืองเช่นนี้
แต่ในระหว่างที่แอนเดอร์สันกำลังตื่นตะลึง สปอร์สีเหลืองก็ได้ทะลวงผ่านกำแพงมานาและอาบร่างของพวกเขาไปแล้ว
พรึ่บ!
“ฮึบ!”
แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น
‘ฉันต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันโดนร่างกายของฉันไม่ว่ายังไงก็ตาม!’
พวกเขา นักผจญภัยปีห้าและหกได้ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการใช้สกิลสนับสนุนเพื่อที่จะสร้างกำแพงมานารอบตัวพวกเขา
เช่นเดียวกับแอนเดอร์สัน
<สกิลสนับสนุนกำแพงเจ็ดชั้น>
มานาเจ็ดสีได้ล้อมรอบร่างของแอนเดอร์สันอย่างรวดเร็ว
ครึ่กกก
สปอร์สีเหลืองได้สลายกำแพงมานาออกไปสองจากเจ็ดชั้นหลังจากที่ทะลวงผ่านกำแพงอากาศ แต่ว่ามันไม่อาจเข้าไปยังร่างของแอนเดอร์สันได้และทำได้เพียงลอยอยู่รอบๆ กำแพงมานา
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ทุกคนดูแปลกประหลาดเมื่อถูกครอบคลุมด้วยผงสีเหลือง แต่แอนเดอร์สันถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในเมื่อเขาได้ป้องกันไม่ให้พิษสัมผัสร่างกายของเขาได้ในที่สุด
ในตอนนั้นเองที่ฮันซูหมุนมือของเขาไปรอบๆ
วูบ
มานาโค้ดภายในสปอร์ที่ถูกแบ่งออกไปยังคนทั้งสิบสีได้ปรากฏพลังของแหวนเนอร์มาฮา <พลังแห่งการทำลายล้าง> ฝังเข้าไปภายในและเริ่มแสดงผล
ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก
ฟึ่บ
“หือ? เฮ้ยย!”
“หืม?”
สปอร์ที่เกาะติดอยู่บนร่างของพวกเขาได้กลืนกินความชื้นและอากาศที่อยู่รอบๆ พร้อมกับที่พวกมันขยายขนาดขึ้น
ในเวลาเดียวกัน สปอร์ในรูปแบบของผงแป้งที่เหมาะสมกับการลอยไปมาก็ได้แปรเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของเหลว
คนทั้งสิบสี่พลันถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งที่ดูเหมือนยางเหนียวๆ และกลายเป็นดักแด้ไป
“อ๊าก! อ๊ากก!”
ครึ่กก
แอนเดอร์สันใช้สกิลประเภทพลังกายทุกสกิลที่เขามีและพยายามที่จะฉีกของเหลวเหนียวข้นรอบกายของเขาออก แต่ว่ามันแข็งมากและไม่มีแม้แต่รอยแยก
‘เวรเอ้ย นี่มันมานาประเภทไหน… นี่มันสกิลอะไรกัน?!’
ความเหนียวและยืดหยุ่นของสปอร์ไม่ใช่ปัญหาเดียว
แต่มานาที่รวมตัวกันภายในสกิลนี้สูงมากและชนิดของมานาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
โดยปกติแล้ว รูปแบบของพลังมานาจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับของสกิล แต่สำหรับสกิลที่มีความแข็งมากขนาดนี้ มันต้องมีระดับสกิลมากกว่าเขาสามระดับเป็นอย่างน้อย
หรือไม่ก็ได้เข้าสู่จุดสูงสุดของความเชี่ยวชาญแล้ว
‘เวรเอ้ย… เราจบแล้ว เขาอยู่ในระดับของบัลลาดิเป็นอย่างน้อย’
แอนเดอร์สันถอนหายใจ
หากเขาได้เวลาสักหน่อย งั้นเขาก็จะสามารถทำลายไอ้ของพวกนี้ไปได้
แต่ปัญหาคือความแข็งแกร่งของผู้ที่โจมตีเขา
บัลลาดิ
หนึ่งในปรสิตที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในอุโมงค์มดและดูดกลืนของเหลวในร่างของกรากอซ
หากด้านบนมีมาร์กอช งั้นบัลลาดิก็ปรากฏตัวอยู่ใต้ผิวหนัง
แน่นอนว่าบัลลาดิไม่ได้แข็งแกร่งเท่ามาร์กอซ แต่พวกมันเคลื่อนไหวอย่างอิสระภายในอุโมงค์มดและสนุกสนานกับการลอบโจมตี ดังนั้นพวกมันจึงค่อนข้างเป็นปัญหา
คนที่แข็งแกร่งในระดับของบัลลาดิหมายความว่าคนคนนั้นสามารถเอาชนะบัลลาดิได้ในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง
ฉายาที่มีเพียงแค่ยอดฝีมือนักผจญภัยปีหกไม่กี่คนที่สามารถทำได้
แน่นอนว่ามันมีความแตกต่างอย่างมากในบรรดาบัลลาดิแต่ล่ะตัว ดังนั้นแล้วจึงมีการแบ่งย่อยระดับความแข็งแกร่งอีก แต่คนระดับบัลลาดิที่อ่อนแอที่สุดก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าเขา
‘ความตายกำลังจะมาถึง’
แอนเดอร์สันปิดเปลือกตาแน่น ทว่าตรงกันข้ามกับที่เขาคิด ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“หืม?”
วินาทีที่พวกเขาเปิดเปลือกตาขึ้น ผู้บุกรุกทั้งสี่ก็ได้หายตัวไปแล้ว
“เฮ้ย!”
“บัดซบเอ้ย! นี่มันอะไรกัน!”
เสียงของบางสิ่งพังทลายลงได้ดังขึ้นจากเบื้องหลังพวกเขา
มันคือทางเข้าอุโมงค์มดหลังด่าน
‘นี่มันแย่แล้ว’
หากคนพวกนั้นเข้าไปในอุโมงค์มด ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องยาก
ในตอนนั้นเองที่เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านบน
“น่าอับอายจริงๆ พวกคนป้องกันด่าน… พวกนั้นไปไหนแล้ว? คนพวกนั้นน่ะ?”
คำพูดอย่างเป็นทางการ ทว่าน้ำเสียงที่ใช้พูดออกมาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
แอนเดอร์สันแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโล่งอกและไม่สบายใจออกมาเมื่อได้ยินเสียงนั้น
เหตุผลที่พวกเขาแสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมาเป็นเพราะพวกเขาไม่ชอบคนคนนี้
‘ไอ้โจรข่มขืน’
เหตุผลที่พวกเขาแสดงสีหน้าโล่งอกออกมาเป็นเพราะเขามั่นใจว่าคนคนนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้
“เคล ดอว์สัน…”
คนที่แข็งแกร่งในระดับของบัลลาดิ
แอนเดอร์สันรีบฉีกยางไม้สีทองรอบตัวออกก่อนที่จะชี้ไปยังทิศทางหนึ่งด้วยคางของเขา
‘ตอนนี้มันยังนับว่าน่าพอใจอยู่’
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อเขาเห็นผลของสปอร์แบบที่สอง
เขาสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของนักผจญภัยปีห้าและหกได้ในระดับหนึ่ง
มันไม่ได้มีผลอย่างสปอร์แบบแรกที่จะกระทั่งเผาไหม้มานาป้องกัน แต่ในเมื่อมันสามารถทดแทนได้ด้วย <พลังแห่งการทำลายล้าง> ของแหวนเนอร์มาฮา มันก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าในด้านของปริมาณมานาที่ใช้ไป
‘สปอร์แบบแรกใช้มานามากเกินไป’
ฮันซูทิ้งเหล่าคนป้องกันด่านที่พยายามดิ้นรนไว้เบื้องหลังขณะที่เขากระโดดเข้าไปในอุโมงค์มด
หากคิดว่าอุโมงค์อุโมงค์หนึ่งนั้นมีขนาดเพียงพอแค่ให้คนคนเดียวเข้าไปเพราะมันถูกเรียกว่าอุโมงค์มด ถ้าอย่างนั้นมันก็นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
มันเป็นทางเข้าถ้ำขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางนับสิบเมตร
มันต้องใหญ่เท่านี้เป็นอย่างน้อยในเมื่อมันถูกสร้างขึ้นโดยยอดมนุษย์
‘นี่มันแย่แล้ว’
เหตุผลที่รีโรรีโรเรสามารถที่จะขยายอำนาจออกได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะพวกเขาสามารถใช้พลังทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เสียเปล่าแม้แต่น้อย
พวกเขาจะใช้เพียงมีดฆ่าไก่ในการฆ่าไก่ และจะใช้มีดฆ่าวัวในการฆ่าวัว
พวกเขาสามารถเสริมสร้างอำนาจของพวกเขาได้ด้วยความเร็วสูงเป็นเพราะพวกเขามักจะสร้างข้อได้เปรียบคนอื่นๆ อยู่เล็กน้อยเสมอและต่อสู้ในหลายๆ แห่งพร้อมกัน
เมื่อผู้ดูแลพื้นที่ที่ได้ยินรายงานของเขาก็อาจจะส่งใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าโซเฟียเล็กน้อยมา
เช่นนั้นโอกาสที่จะล้มเหลวก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ในเมื่อคนที่เขาตัดสินว่าไร้ประโยชน์นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
หากพวกเขาสร้างทีมแกะรอยโดยมีโซเฟียอยู่ในการคำนวณ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็มีความเป็นไปได้ที่ทีมจะถูกทำลาย
‘เวรเอ้ย’
เขาคิดที่จะเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อย แต่เขาก็จะข้ามเส้นตายที่สามสิบนาทีไปในทันที
วินาทีที่เคนยอมแพ้และเริ่มที่จะยกมือของเขาชี้บอกทิศทาง ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
แกร่ก
นิ้วของเคนชี้ไปยังทิศทางที่แปลกประหลาด
หรือจะพูดให้ถูก มันไม่ใช่ว่านิ้วของเคนบิดเบี้ยว แต่มันเป็นเพราะอากาศรอบๆ มัน
สีหน้าของเคนดูดีขึ้นเมื่อเห็นเช่นนั้น
สกิลประเภทมิติ
สำหรับการที่จะมีสกิลมิติที่หายากเช่นนี้
มีคนเพียงคนเดียวที่ปรากฏขึ้นในสมองของเขาหลังจากที่เชื่อมต่อมันกับโซเฟีย
‘เคล ดอว์สัน!’
ทันทีที่อุโมงค์มดหายไปและพวกเขาถูกย้ายไปยังตำแหน่งที่ต่างออกไป สถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ข้ามมายังอีกโลก
มิติที่พวกเขาถูกโอบล้อมด้วยยางและอยู่ข้างสถานีรถไฟ
ในขณะที่ฮันซูมุ่นคิ้วพร้อมมองภาพนั้น บางอย่างก็ได้ทะลวงขึ้นจากพื้นและพยายามที่จะโจมตีไปยังฮันซู
หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้น มันเล็งไปยังเคนที่ถูกฮันซูจับเอาไว้
ตูม!
หนอนเขียว
กลุ่มสัตว์อสูรของนักผจญภัยมือใหม่ที่สามารถพบได้ที่ชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟในระหว่างช่วงบทฝึกซ้อมก่อนหน้า
ทว่าพลังของพวกมันไม่เท่ากัน
ฮันซูขมวดคิ้วหลังจากที่ฟาดหนอนเขียวที่พุ่งมาด้วยมือของเขาที่มีพลังสนับสนุนมังกรปีศาจครอบคลุม ทว่ายังรู้สึกชาหนึบ
เสียงประหลาดใจของมนุษย์ดังขึ้นจากปากของหนอนเขียวหลังจากที่มันปรากฏขึ้นจากพื้น
“มันมีขีดจำกัดในการที่นายจะทรยศได้อยู่นะ ทำไมนายถึงได้บอกตำแหน่งที่แน่นอนให้กับศัตรูล่ะ? จะไร้ยางอายก็ให้มันมีขีดจำกัดบ้าง”
“เฮือก…”
เคนแสดงสีหน้าราวกับวิญญาณหลุดลอยเมื่อได้ยินเสียงของเคล ดอว์สันหลังจากที่แทบจะถูกทะลวงหัวใจไป
“แต่นายก็ยังทำได้ดี เพราะนายทำให้ฉันเจอเธอ มันก็สักพักแล้วนัก คุณโซเฟีย เวอร์จีร่า”
“…”
โซเฟียนึกว่าเธอเคยได้ยินเสียงน่ารำคาญนั้นจากที่ไหนก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น่
TL: ปู่ไม่มีทางได้เดินทางอย่างสงบหรอก//มองด้วยสายตาเห็นใจ