ทั้งหุบเขาที่ตอนนี้กำลังถูกสั่นสะเทือน ช้างเขามังกร แรดเพลิง เสือแคระ คูอิสและโฮอัสรวมตัวพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ต้นไม้น้อยใหญ่มากมายถูกโค่นล้ม ราวกับโดนคลื่นยักษ์โถมเข้าหา
ความยุ่งเหยิงลามไปถึงกลางอากาศเนื่องจากเศษหินปลิวว่อน ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวนัก
อ๊า..
กลุ่มของหมู่บ้านหมาป่าเป็นกลุ่มแรกที่โดนคลื่นมหันตภัยโถมเข้าใส่ เพียงแค่พริบตาเดียวคนเจ็ดแปดคนก็ลอยไปในอากาศด้วยความสูงหลายเมตรด้วยฝีมือสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ ก่อนจะตกลงมากระดูกหักทั่วทั้งร่างแล้วกลายเป็นเนื้อบด
ฝูงหมาป่าสิบตัวหันหลังกลับแล้วออกตัวหนีทันที ชาวหมู่บ้านหมาป่าที่อยู่บนหลังต่างก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นซีดเผือด กลุ่มคนที่ตายนั้นต่างก็มีความสัมพันธ์ต่อกันกับพวกเขามานานแล้ว เพียงพริบตาเดียวก็จากลากันไปเสียแล้ว
“เตรียมพร้อม!!” ฉีหยุ่นเฟิงตะโกนเสียงดัง
ฝูงสัตว์ร้ายถาโถมเข้าหาดุจดั่งทะเลคลั่งปะทะกับฉีหยุ่นเฟิงและคนอื่นๆ โค่นต้นไม้ลงมาขวางทางเพื่อปิดกั้นและเพิ่มแรงต้าน แม้จะไม่ได้ผลมากเท่าที่ควร
“ฆ่า!!”
ฉีหลิงหู่ตะโกนเสียงดัง เขาล้วงเอากระดูกอสูรที่มีสีทึบออกมา อักขระวิ่งพล่านไปที่แขนซ้ายของเขาหลังจากระดูกชิ้นนั้นก็หลอมรวมเข้ากับแขนซ้ายอย่างสมบูรณ์สร้างคลื่นแสงจ้า พาหุอสูรเข้าไปประสานกับกระดูกและเลือดของชายหนุ่มกลายเป็นหนึ่งเดียวกันจนจำแนกไม่ออก
เสียงกระหึ่มดังสะท้านไปทั่วพื้นที่ ราวกับว่าทายาทอสูรกำลังฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแผ่รังสีดุร้ายสะท้านสวรรค์ออกมา สั่นสะเทือนไปทั้งหุบเขา
สัตว์ร้ายทั้งหมดต่างก็อยู่ในอาการแข็งค้างเพราะความหวาดกลัว ร่างของพวกมันสั่นสะท้านราวกับเจอราชาแห่งหมื่นสรรพสัตว์ไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน พวกมันหยุดชะงักแล้ววิ่งอ้อมทันที
ฮู่มม…เจ้าหมาป่าในตำนานก็คำรามสวนออกมาเพื่อแสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน ทันทีที่ได้ยินเสียงสัตว์ร้ายยักษ์ใหญ่ก็หันเข้ามาทำร้ายผู้คนจากหมู่บ้านศิลาทันที
“เปิด!!”
ฉีหลิงหู่ตะโกนออกมา ลวดลายที่ซับซ้อนและดูลี้ลับบนแขนซ้ายของเขาก็เปล่งแสงขึ้น ก่อนกลายเป็นรอยสักรูปราชันย์แห่งสัตว์อสูร ทางออกถูกก็เปิดออกแล้วปรากฏสัตว์ร้ายที่น่าเกรงขาม
“คำราม!!”
เสียงคำรามที่แสนกดดันสั่นสะเทือนทั้งหุบเขา ร่างของฉีหลิงหู่ในตอนนี้โตขึ้นอย่างรวดเร็วจะฉีกเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมอยู่เป็นชิ้นๆ แค่เขายืนอย่างมั่นคงด้วยความสูงสามเมตรและทั้งร่างอาบไปด้วยสีทองแดง
ชายหนุ่มชกหมัดไปข้างหน้าจนเกิดคลื่นเสียงกรีดอากาศ สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ตัวหนึ่งเปล่งเสียงร้องโหยหวนก่อนที่ร่างของมันจะระเบิดทั้งเศษเนื้อและกระดูกปลิวว่อนไปทั้งสี่ทิศทางเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ที่สำคัญที่สุดยอดรังสีคุกคามแห่งราชันย์อสูรปกคลุมไปทั้งผืนดินและแผ่นฟ้า กดดันเข้าใส่สัตว์ร้ายทุกตัวที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ทำให้พวกมันไม่กล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว
ฮู่มม..
ดวงตาของหมาป่าเฒ่าเปลี่ยนไปมาขณะที่อยู่กลางอากาศ มีทั้งพรั่นพรึง เกรี้ยวโกรธหรือแม้แต่ริษยา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านศิลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ คือข้อเท็จจริงที่ว่าหมู่บ้านนี้คือภัยคุกคามที่ไร้สิ้นสุด แต่มันไม่สามารถที่จะแพ้ได้ เพราะร่างอันล้ำค่าของซุนหนี่มีความจำเป็นต่อมัน ซึ่งทำให้มันสามารถเกิดใหม่ได้(น่าจะหมายถึงย้อนวัย)
หมาป่าเฒ่าเริ่มที่จะโจมตี มันไม่ได้พุ่งไปที่ฉีหลิงหู่แต่กลับมุ่งเป้าไปที่คนอื่นๆจากหมู่บ้านศิลาแทน มันทั้งเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย มันต้องการถ่วงเวลาโดยการให้ชายหนุ่มเอาแต่ป้องกันจนอาร์ติแฟ็กหมดฤทธิ์ไปเอง
“ชั่วช้านัก!!”
ร่างสูงสามเมตรของฉีหลิงหู่ระเบิดความแข็งแกร่งออกมา กล้ามเนื้อของเขาพองตัวเกิดแสงเจิดจ้าที่แขนซ้ายของเขา แล้วปลดปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าฉีกบรรยากาศเกิดเป็นเสียงโซนิคบูมพลันเกิดเป็นภาพเงาของสัตว์ร้ายพุ่งทะยานราวกับพายุพัดขึ้นสู่สวรรค์ ทำให้พืชพรรณบริเวณนั้นเหี่ยวเฉาตายทันที
หมาป่าเฒ่าตกตะลึงจนหลบแทบไม่ทัน อักขระในปากของมันเปล่งแสงก่อนจะเกิดการรวบของแสงสีแดงแล้วยิงออกไปต่อต้าน ตูม..เกิดการปะทะกันระหว่างพลังของสัตว์ร้าย
ฉีหลิงกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย อาร์ติแฟ็กโบราณสร้างผลกระทบให้แก่เขาไม่น้อย นั่นเพราะเขาไม่ได้ครอบครองความรู้ในตำรากระดูก มันทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังของอาร์ติแฟ็กได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังมีผลสะท้อนอีกด้วย
แต่อย่าไรก็ตามความแข็งแกร่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามต้องหวั่นเกรง การปะทะกันกับหมาป่าเฒ่า ลำแสงสีแดงของมันถูกป้องกันได้ สร้างความตกตะลึงให้มันยิ่งนักและเพิ่มความกราดเกรี้ยวมากไปอีก
ในตอนนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ร่างของซุนหนี่ เขาโลหิตล้ำค่าและของอื่นๆอีกต่อไปที่ดึงดูดมัน แม้แต่อาร์ติแฟ็กชิ้นนี้มันก็อยากได้มาครอบครอง ดวงตาทั้งคู่ของหมาป่าเฒ่าส่องประกายราวกับมีแสงพวยพุ่งออกมา ด้วยเสียงเห่าครั้งเดียว บรรดาหมาป่ายักษ์ก็กรูเข้ามาจากทุกทิศทางหลังจากได้ยินคำสั่งและพร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้
สถานการณ์กำลังวิกฤต หมาป่าเฒ่าไม่เคยเข้าต่อสู้ มันทำเพียงสั่งการจากระยะไกล มันลอยตัวกลางอากาศอย่างขี้ขลาดแล้วมองดูการเข่นฆ่าอย่างสนุกสนาน
“เจ้าหมาง่อย เจ้าคงไม่กล้าลงมาใช่ไหม?” ฉีหลิงหู่ยั่วยุ
วิญญาณพิทักษ์คือตัวตนที่ทุกหมู่บ้านในที่รกร้องแห่งนี้ต่างก็หวาดกลัว อย่างไรก็ตามในตอนนี้ มันต้องพยายามระงับความโกรธของตัวเอง นัยน์ตาของมันยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์
ความแข็งแกร่งของมันมากพอที่จะทำลายหมู่บ้านได้ตามอำเภอใจ ตอนนี้ก็ยังคงรักษาความสงบไว้ได้ ทำให้เหล่าชาวบ้านต่างก็หายใจไม่ทั่วท้อง
ฝูงหมาป่ายักษ์ยังคงเห่าหอนแล้วตรึงกำลังเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน ชาวบ้านต่างก็ตกอยู่ในอันตราย ความอ่อนล้าค่อยๆกัดกินไปทุกวินาที
ฮู่ม..
หมาป่าเฒ่าเริ่มเคลื่อนไหว อักขระเรืองแสงที่บริเวณกรงเล็บของมันแล้วสาดแสงสีทอง พลังของอักขระลับโบราณควบแน่นเข้าด้วยกันและถูกส่งลงไป ทุกชีวิตในที่นี้ต่างก็เห็นเงากรงเล็บขนาดมหึมาฉีกกระชากอากาศลงมาอย่างชัดเจน
ทุกคนในหมู่บ้านศิลาตื่นตระหนก นี่คือวิชาลับรอยสักโบราณเกิดเป็นพลังกรงเล็บทองคำที่ถูกปล่อยออกมาจนเกิดเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายคือสังหารทุกคน
“เจ้าหมาพิการ ไปตายซะ!!” ฉีหลิงหู่ตะโกนออกทั้งที่ใกล้จะหมดแรง ชายหนุ่มเร่งเร้าพลังจากตำรากระดูกอีกครั้งหนึ่ง เขายกแขนซ้ายขึ้น อักขระพลันเปล่งแสงก่อเกิดเงาสัตว์ร้ายขนาดยักษ์สอดประสานกับอักขระแล้วกลายเป็นสัตว์ร้ายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“คำราม!!” แผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือนเพียงเพราะเสียงคำราม จากนั้นพลันเกิดการปะทะกับกรงเล็บสีทอง เกิดแสงสว่างจ้าและมีสายฟ้าแล่นไปทั่วทั้งท้องฟ้า บดบังการมองเห็นไปแทบทั้งหมด
กรงเล็บสีทองเคลื่อนที่ลงไปได้ไม่ไกลก็ถูกเบี่ยงทิศทางไปอีกด้านหนึ่ง จากนั้นเกิดแตกหักดังสนั่นเนื่องมีหินผาขนาดใหญ่ถูกทำลายจนแตกละเอียด
ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง หมาป่าเฒ่าตัวนั้นจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
ฉีหลิงหู่หอบหายใจเสียงดังในขณะที่เขาแทบพยุงตัวเองไว้ไม่อยู่ สิ่งประดิษฐ์โบราณแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่สามารถรองรับพลังของมันได้
บรู้ว..
หมาป่าเฒ่าหอนออกมาเพื่อสั่งการให้ฝูงหมาป่าเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกันฝูงสัตว์ร้ายขนาดใหญ่เริ่มกลับมาขยับตัวได้ เมื่อเห็นฉีหลิงหู่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกมันเริ่มกลับมาฟังคำสั่งของหมาป่าเฒ่าอีกครั้ง
สถานการณ์เข้าสู่ช่วงวิกฤตยิ่งกว่าเดิม ชีวิตของทุกคนเหมือนยืนอยู่ริมปากเหว ไม่มีทางหนีพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้อีก
ในตอนนี้ หมาป่าเฒ่าเริ่มวางใจหลังจากประเมินความแข็งแกร่งของหมู่บ้านศิลา ไม่จำเป็นต้องรั่งรออีกต่อไป มันเคลื่อนตัวลงเพื่อทำการโจมตีอีกรอบ
วิ้ง..
เด็กน้อยพลันเคลื่อนไหวด้วยการใช้งานกำไลเขี้ยวอสูรหิมะ อาร์ติแฟ็กโบราณพลันเปล่งแสงเจิดจ้า เขี้ยวทุกอันเปล่งประกายราวกับอัญมณี ก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมหมาป่าเฒ่า
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่หมาป่าเฒ่าโกรธเกรี้ยว เพราะเขี้ยวเหล่านั้นเป็นตัวมันเองที่ขัดเกลาและเจียระไนจนทรงพลังถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้กลับถูกใช้จู่โจมเข้าหาตัวมันผู้เป็นผู้สร้าง
มันเริ่มแผ่พุ่งพลังลงไปเพื่อที่จะหวังช่วงชิงเขี้ยวอสูรหิมะกลับคืนมา
ทันใดนั้นเอง ร่างของเด็กน้อยพลันเปล่งแสงละลานตาอักขระลี้ลับพุ่งออกมาห่อหุ้มเด็กน้อยราวกับใยแมงมุม เขาทำการเรียกใช้ชิ้นส่วนหนังของอสูรร้าย “อสูรอำพราง” ที่อยู่บนอกของตนทันที
ท่ามกลางแสงสว่างราวกลุ่มดาว อสูรอำพรางเข้าผสานกับเลือดเนื้อบนหน้าอกแล้วดูดกลืนเข้าสี่ร่างกายและระเบิดพลังอันน่าหวาดหวั่นอย่างท่วมท้น
ทุกคนได้ยินเสียงคำรามที่ยาวนานอย่างต่อเนื่อง สัตว์ร้ายมากมายต่างก็ตัวสั่นสะท้านและยิ่งไปกว่านั้นต่างทรุดตัวลงคุกเข้าอยู่บนพื้น
อสูรอำพรางกลายหนึ่งเดียวกับฉีเฮ่า เกิดเป็นรอยสักอักขระและร่างของเด็กน้อยเริ่มเปล่งแสงละลานตาราวกับเปลวเพลิง พลังนั้นพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งความน่าสะพรึงไปทั่วทุกทิศทาง
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นสองของหมู่บ้านศิลา ที่ผู้ใช้คนเดิมคือฉีเฟยเฉียว บัดนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ่งในวิถีพลังลี้ลับทำให้เด็กน้อยถูกเลือกให้ใช้สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ เพื่อทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่ร้ายกาจ
เสียงคำรามอันบ้าคลั่งทำให้พื้นที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ถึงกับสั่นสะเทือน ที่อักขระบริเวณหน้าอกของเด็กน้อยกลายเป็นเหมือนทางออกของสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายบิอัน ( Bi’anลักษณะ หัวเป็นเสือตัวยาวเป็นมังกรลายเสือ ครับ)
มันพุ่งออกมาแล้วทะยานเข้ามาหมาป่าเฒ่า
หมาป่าเฒ่าตกอยู่อาการตะลึงงัน ด้วยเหตุเพราะมันกะทันหันเกินไปจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง มันทำได้เพียงปลดปล่อยกรงเล็บทองคำเข้าต้านทาน
เกิดเสียงปะทะกันราวกับภูเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ กรงเล็บทองคำแตกเป็นเสี่ยงๆ เงาแขนของทายาทสัตว์อสูรเข้าโอบล้อมลำตัวของหมาป่าด้วยรังสีสังหารสะท้านชั้นฟ้า
ร่างของเจ้าหมาป่ากลิ้งกรอกเจ้าเล่ห์เกือบจะถูกแยกเป็นสองส่วน ถ้าไม่ใช่มันพยายามหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างไรก็ตามมันก็หนีไม่พ้นปลายกรงเล็บอยู่ดี หลังเสียงปะทะกันเลื่อนลั่น บริเวณขาหลังของมันผิดรูปกลายเป็นพิการอย่างเห็นได้ชัด
ยามเมื่อเด็กน้อยใช้พลังของสิ่งประดิษฐ์นั้นมีระดับที่แตกต่างจากฉีหลิงหู่และฉีเฟยเฉียวอย่างสิ้นเชิง พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่เด็กน้อยก็ยังไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของสิ่งประดิษฐ์ได้อยู่ดี
นี่นับเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของหมู่บ้านศิลา แต่สิ่งประดิษฐ์สองชิ้นนี้ก็ไม่ถูกเผยออกมา เพราะมันนำอาจสร้างความโลภจนนำมาซึ่งภัยพิบัติต่อหมู่บ้าน
หมาป่าเฒ่าทะยานขึ้นท้องฟ้าให้สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ไม่สามารถทางคืนสิ่งประดิษฐ์ของตนกลับมาได้เท่านั้น มันยังได้รับบาดเจ็บหนักอีกด้วย หากดูจากความรอบจัดของมันแล้ว มันคงไม่เคยได้รับบาดเจ็บขนาดนี้มาก่อน ในตอนนี้มันไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป
เสียงเห่าหอนอย่างโกรธดังขึ้นมากลางอากาศ อย่างไรก็ตามกลุ่มสัตว์ร้ายหรือแม้แต่ฝูงหมาป่าก็ไม่มีตัวไหนกล้าขยับเขยื้อนหรือกล้าปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะฤทธิ์เดชของสิ่งประดิษฐ์ในเงื้อมมือของเด็กน้อยนั่นเอง
หมาป่าเฒ่ามุ่งเข้าป่าแล้วพุ่งไปรอบๆอย่างต่อเนื่องเตรียมหาโอกาสเข้าโจมตี ความรวดเร็วของทำให้พลังสิ่งประดิษฐ์โบราณยากจะเล็งเป้าได้
“ไม่ดีแล้ว มันจะให้เราใช้พลังจนหมดแล้วค่อยสังหารพวกเรา สิ่งประดิษฐ์มันกินพลังมากเกินไป” ฉีหยุ่นเฟิงขมวดคิ้วอย่างวิตกกังวล
เด็กน้อยขยิบตาให้แล้วยิ้มด้วยสีหน้าอารมณ์ดี
ในเวลานั้นเอง เจ้าหมาป่าตัวร้ายบุกเข้ามาอีกครั้งจะเกือบจะฉีกร่างของคนสิบคนเป็นชิ้นๆด้วยพลังของกรงเล็บทองคำที่น่าหวาดหวั่น แต่โชคดีที่ฉีหลิงพุ่งเข้าป้องกันได้อย่างเฉียดฉิว
แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็อย่างถูกคลื่นกระแทกสีทองทำให้กลิ้งไปอีกทางหนึ่ง พวกเขาทำสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร
ฟ้าว!!
ทันใดนั้นเอง ร่างที่บาดเจ็บหนักของอินทรีเกล็ดมรกตพลันลืมตาขึ้นมา แล้วกระพือปีกสร้างพายุใหญ่ยักษ์เพื่อพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จะงายปากขนาดครึ่งเมตรระเบิดแสงสีเขียวสดใส กงจักร จันทราถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว
หมาป่าเฒ่าไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าเจ้านกใกล้ตายตัวนี้จะฟื้นกลับมาได้เร็วถึงเพียงนี้ มันคำรามด้วยเสียงน่ากลัวแล้วพยายามหลบให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
ฉับ!! เลือดไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งในขาหลังของมันถูกตัดโดยจันทราสีมรกตที่คมราวกับจะสะบั้นท้องฟ้าได้
ตูม!!
ในเวลาเดียวกัน อินทรีเกล็ดมรกตพุ่งตามไป แล้วจุ่โจมด้วยกรงเล็บที่แหลมคมที่ตอนนี้อาบด้วยแสงสีมรกตสดใส เพื่อจับตัวของหมาป่าเฒ่า เลือดของมันหลั่งไหลออกอย่างต่อเนื่อง
หมาป่าเฒ่าที่ตอนนี้ทั้งตื่นตระหนก โกรธเกรี้ยวพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อทำให้ตัวเองเป็นอิสระ ตอนนี้ร่างของมันแทบจะแยกเป็นส่วนด้วยกรงเล็บของอินทรีเกล็ดมรกต อักขระสีทองไหลไปมาทั้งตัวของมันที่ตอนนี้เปี่ยมไปด้วยไอฆ่าฟัน
ตูม!!
ทันใดนั้นเอง เกิดเรื่องน่าตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้งเมื่อฉีหลิงหู่ใช้พลังทั้งหมดของสิ่งประดิษฐ์โบราณของเขาขว้างเด็กน้อยขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉีเฮ่าในตอนนี้มีสีหน้าที่สดใสที่สุดในรอบวัน เขาจะใช้พลังลี้ลับของอสูรอำพรางสังหารเจ้าหมาป่าตัวร้าย
บิอัน ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง สร้างความหวาดหวั่นให้ทั่วทั้งพื้นที่รกร้าง หมื่นสรรพสัตว์ต่างก็คุกเข่าลงและวิหคกว่าร้อยสั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับสวรรค์กำลังถล่มลงมา
ตูม!!
สัตว์อสูรร้ายพุ่งเขากระแทกที่ลำตัวของหมาป่าเฒ่า อักขระหมุนเป็นเกลียวตามด้วยประกายแสงเจิดจ้าราวกับอุกกาบาตสองลูกกำลังชนกัน ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว
เลือดเนื้อร่วงหล่นราวกับฝน หมาป่าเฒ่าเปล่งเสียงราวกับจะร่ำไห้ ร่างของมันถูกแยกเป็นสองส่วน ส่วนล่างของมันหายไปทั้งหมด เป็นภาพที่น่ากลัวจนต้องเบือนหน้าหนี
อินทรีเกล็ดมรกตเอียงตัวเข้าไปรับเด็กน้อยที่กำลังร่วงลงมา หลังจากนั้นก็ร่วงหล่นไปที่ใจกลางป่าแล้วกระแทกไปกับพื้น
“เร็วเข้า!! กลับหมู่บ้าน” ฉีหยุ่นเฟิงตะโกนเสียงดัง
เวลานี้พวกเขาโชคดีที่ชนะ เจ้าหมาป่าเฒ่าประมาทจะได้รับบาดเจ็บจากอินทรีเกล็ดมรกต หากมันฟื้นตัวกลับมาได้ พวกเขาคงต้องตายแน่นอน
พวกเขากลัวว่าหมาป่าเฒ่าจะใจเย็นแล้วค่อยๆไล่ต้อนพวกเขาเพื่อที่จะสังหาร ถ้ามันเกิดขึ้นจริง พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน สัตว์ร้ายตัวนั้นน่ากลัวเกินไป
พวกเขารวมกลุ่มกันแล้วพุ่งตัวกลับหมู่บ้าน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหยุดพักหายใจเสียด้วยซ้ำ
ไกลออกไปกลุ่มของหมู่บ้านหมาป่ากำลังวิตกกังวล อาการบาดเจ็บของพวกเขาสาหัสมาก สาเหตุมาจากตอนที่ฝูงสัตว์ร้ายพุ่งเข้ามา มากกว่าครึ่งกลายเป็นเนื้อบด
ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาชำระหนี้แค้นอีกแล้ว เพราะพวกหมู่บ้านศิลาไม่ได้สนใจพวกเขาด้วยซ้ำทั้งยังพากันหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับเจอเชื้อโรคร้าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกหมู่บ้านศิลาจากไป หมาป่าเฒ่าที่เหลือครึ่งตัวด้วยฝีมือของฉีเฮ่าก็ไล่ตามหลังพวกเขาไป เพราะมันไม่ยอมเสียร่างอันล้ำค่าของซุนหนี่ไป หากมันได้รับร่างของ ซุ่นหนี่ ไม่ใช่แค่บาดแผลทั้งหมดของมันก็จะฟื้นฟูกลับมา แต่มันยังสามารถทลายขีดจำกัดได้อีกด้วย
“เจ้าสัตว์ร้ายพิการนั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว มันต้องการจะแลกชีวิตกับพวกเราให้ได้” เงามืดเริ่มคืบคลานเข้าจิตใจของทุกคนของหมุ่บ้านศิลา
“วิญญาณพิทักษ์ โปรดปกป้องพวกเราด้วยเถอะ ได้โปรดออกจากหมู่บ้านมาช่วยพวกเราด้วยเถอะ” คนบางคนเริ่มสวดอธิษฐาน
บริเวณกิ่งไม้เล็กๆกิ่งหนึ่งของต้นโอ๊คขนาดใหญ่ที่มีรอยไหม้เปล่งแสงสีแดงอ่อนท่ามกลางความมืด รัศมีอันเลือนรางนั้นกำลังปกคลุมทั้งหมู่บ้าน
ทันใดนั้นเองกิ่งไม้พลันเคลื่อนไหนสร้างโซ่ศักดิ์สิทธิ์สีแดงปนเขียว แล้วพุ่งออกไปไกลกว่าหนึ่งลี้ภายในพริบตาเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ