หัวแมงป่องถูกลูกบาศก์สีทองทับจนแหลก แต่ด้วยพลังชีวิตอันเหลือล้น ถึงแม้ว่าหัวของมันจะแหลกไปแล้ว แต่ลำตัวของมันยังขยับไปมาอยู่ ขายาวๆของมันตะเกียกตะกายไปตามพื้นดิน
“นี่คือแมงป่องลมปีศาจ โดยทั่วไปแล้วมันจะมีลำตัวยาวประมาน 10 ฟุต พวกมันว่องไวมาก ยากที่เราจะฆ่ามัน”
จี้ฮ่าวพูดขณะที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆแมงป่อง และมองชายหนุ่มรูปร่างกำยำกำลังใช้มีดตัดเปิดกระดองของแมงป่องออกมาและพูดต่อ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นแมงป่องลมปีศาจ ตัวใหญ่ขนาดนี้”
“มันกลายเป็นอสูรวิญญาณ”
ชายหนุ่มพูด เขาเปิดกระดองบนหลังของแมงป่องออก เผยให้เห็นเนื้อสีเงินในตัวของมัน
“อย่าให้มันเสียป่าว”
เมื่อจี้ฮ่าวเห็นเนื้อ มีน้ำลายไหลออกมาจากปากของเขา จี้ฮ่าวถูกมันจู่โจมด้วยกระแสลมสีดำและก้อนหินจำนวนมาก ซึ่งเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรมันได้ นั่นหมายความว่าแมงป่องตัวนี้ต้องมีพลังในระดับนักรบขั้นสูงแน่นอน เนื้อของมันถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับจี้ฮ่าว
จี้ฮ่าวรีบโดดไปหยิบใบไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ แล้วนำมาวางข้างๆแมงป่อง ชายหนุ่มยิ้ม เขาหั่นเนื้อของมันและวางลงบนใบไม้ของจี้ฮ่าว
ชิงหยิงเดินเข้ามาพร้อมกับนักรบ 2-3 คน นักรบยืนอยู่ห่างออกไป เตรียมพร้อมรอรับคำสั่ง ชิงหยิงเดินเข้าไปใกล้ๆแมงป่องอย่างระมัดระวัง เขาหยิบมีดออกมาและฟันลงไปบนกระดองของแมงป่อง ถึงแม้มีดของชิงหยิงจะไม่ใช่มีดที่พิเศษอะไร แต่บนกระดองไม่มีแม้แต่ลอยขีดข่วน แสดงให้เห็นว่ามันแข็งมากๆ
“ช่างเป็นกระดองที่แข็งอะไรแบบนี้ มันจะเป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการสร้างเกราะที่ไม่สามารถทำลายได้แน่ๆ” ชิงหยิงตะโกน
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำหัวเราะ และพยักหน้าให้จี้ฮ่าว
“สหายข้า ข้าไม่ได้ระวังเกือบจะปล่อยให้แมงป่องตัวนี้มาทำร้ายเจ้า ถ้าหากเจ้าชอบกระดองของมัน ข้าจะทำเป็นชุดเกราะให้กับเจ้าเป็นของขวัญ”
ขณะที่กำลังหัวเราะ ชายหนุ่มตัดขายาวๆของแมงป่องออกมา ลูกปัดสีเขียวโปร่งใส 36 ลูก ถูกรีดออกมาจากขาของแมงป่อง ลูกปัดลอยขึ้นอยู่ในอากาศและเริ่มหมุนวน
“ว้าว!” ชิงหยิงอุทาน
“เจ้าแมงป่องตัวนี้มันเติบโตมาโดยที่มีลูกปัดพวกนี้อยู่ในขามัน? ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ถึงแม้นักบวชหรือผู้อาวุโสในเผ่าก็ไม่เคยพูดถึงเกี่ยวกับมัน”
“มันคือลูกปัดแมงป่องมังกร แมงป่องลมปีศาจธรรมดาจะไม่มีของแบบนี้อยู่ในตัวมันแน่นอน”
ชายหนุ่มหยิบลูกปัดขึ้นมา เขายิ้มและพูดกับชิงหยิง
“แมงป่องตัวนี้มันแตกต่างออกไป มันกลายเป็นอสูรวิญญาณ โดยการดูดซับพลังจากธรรมชาติ และเรียนรู้ที่จะพัฒนาพลังของงมันเอง”
“เจ้าจะเอาลูกปัดพวกนี้ไปทำอะไร?” จี้ฮ่าวถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มเก็บลูกปัดลูกสุดท้ายขึ้นมาและเก็บมันใส่ไว้แขนเสื้อของเขา เขายิ้มและพูดกับจี้ฮ่าว
“ข้าชื่อโป เป็นนักพรตพเนจร ข้าเดินทางท่องไปทั่วโลก ดินแดนทางใต้นี่เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของข้า”
“ข้าเดินทางไปยังดินแดนภาคกลาง ดินแดนทางตะวันออก ดินแดนทางเหนือ และดินแดนทางตะวันตก เพื่อศึกษาเกี่ยวกับหลักการเคลื่อนที่ของดวงดาว ข้าคิดค้นวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล ข้าคิดว่าข้าจะเลียนแบบหลักการเคลื่อนที่ของดวงดาว และสร้างสมบัติเวทย์มนตร์ ซึ่งต้องรวบรวมลูกปัดแมงป่องมังกรทั้ง 36000 ลูก นี่เป็น 36 ลูกสุดท้าย ตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้มันครบแล้ว”
จี้ฮ่าวอ้าปากค้าง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองที่โปด้วยความตกตะลึง เพื่อที่จะเติมเต็มความฝัน เขาตัดสินใจสร้างสมบัติ รวบรวมลูกปัดแมงป่องมังกรทั้ง 36000 ลูก ซึ่งเขาต้องฆ่าแมงป่องที่ระดับพลังพอๆกับนักรบขั้นสูง
เขาจะต้องฆ่าพวกมันกี่ตัว เขาต้องเดินทางไปกี่ที่เพื่อรวบรวมพวกมันให้ครบ? จี้ฮ่าวคิดมันอยู่ในหัว
“ต้องฆ่าแมงป่องนับ 1000 ตัว คุณเป็นคนที่อดทนมาก” จี้ฮ่าวอุทาน
“มันใช้เวลาเยอะมาก” โปเกาหน้าผากของเขา และยิ้มอย่างบริสุทธิใจ
“อาจารย์ของข้าก็บอกว่าข้าเสียเวลามากเกินไป ถ้าข้าไม่เสียเวลามาทำสิ่งเหล่านี้ และมุ่งเน้นฝึกฝนพลัง พลังคงจะมากขึ้นกว่าตอนนี้มาก แต่ถ้าข้าต้องทิ้งการสร้างสมบัติและเฝ้าฝึกอยู่ทุกวัน เจ้าว่ามันน่าเบื่อไหมล่ะ”
จี้ฮ่าวยกนิ้วให้โป เขาคิดว่าคำพูดของโปดูมีเหตุผล เขาเป็นคนที่น่านับถือ จริงอยู่ที่การเฝ้าฝึกฝนอยู่แบบเดิมซ้ำๆจะเพิ่มพลังได้มาก แต่การที่เขาทุ่มเทสร้างสมบัติอาจจะทำให้เขาค้นพบสิ่งใหม่ๆหรือวิชาใหม่ก็เป็นได้
จี้ฮ่าวพร้อมกับคนอื่นๆเดินทางกลับหุบเขาสายน้ำเย็น นักรบที่เดินอยู่ข้างหน้ากำลังแบกเนื้อแมงป่องไว้บนไหล่ของพวกเขา ขณะที่ร้องเพลงของดินแดนทางใต้ จี้ฮ่าวลากกระดองของแมงป่องและเดินคุยกับโปอย่างถูกคอ
โปท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่างๆนับไม่ถ้วน มันช่างเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า เขาเล่าถึงสถานที่ต่างๆที่เขาไป ทะเลที่ไร้ขอบเขตในดินแดนทางตะวันออก ป่าในดินแดนทางเหนือ ความแห้งแล้งของดินแดนทางตะวันตก และความวุ่นวายในภาคกลาง
“ฮ่าว โลกใบนี้มันกว้างใหญ่ เจ้าต้องลองไปดูด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้ร่างกายและพลังที่แสนวิเศษในตัวเจ้าสูญป่าว”
โปเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา เขามักจะยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่เสมอๆ หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นาน เขากับจี้ฮ่าวสนิทกันอย่างมาก
“ถ้าข้ามีโอกาสข้าจะต้องเดินทางออกไปจากดินแดนทางใต้นี่อย่างแน่นอน!”
จี้ฮ่าวพูดพร้อมสีหน้าจริงจัง
“ข้าต้องการจะรู้ว่าโลกใบนี้จริงๆมันเป็นยังไงด้วยตาของข้าเอง อืมม โป เจ้าบอกว่าดินแดนภาคกลางวุ่นวายและเฟื่องฟูมาก จริงๆมันเป็นยังไงงั้นหรอ?”
โปขมวดคิ้ว เขาส่ายหน้าและพูดว่า “ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปภาคกลาง ที่นั่นทรมานจากสงคราม ทุกวันคนนับพันจะถูกปล้น ผู้หญิงมากมายถูกข่มขืน และเด็กๆจำนวนมากถูกจับไปเป็นทาส”
“พลังของข้ามีจำกัด ข้าพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยคนเหล่านั้น แต่ข้าไม่สามารถช่วยพวกเขาได้หมดทุกคน ในโลกที่กว้างใหญ่นี้ ข้าเป็นแค่นักพรตพเนจร ข้าอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยโลกนี้ และผู้คนทั้งหมดที่กำลังทุกข์ยาก”
“ดินแดนภาคกลาง! ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน มันคือดินแดนที่กว้างใหญ่และรุ่งเรื่องที่สุดในโลก”
ชิงหยิงพูดด้วยอยากรู้อยากเห็น
“โป ตามที่เจ้าบอก ดินแดนภาคกลางกลาหลวุ่นวาย มันก็เหมือนกับดินแดนทางใต้ของพวกนี้ตอนนี้ไม่ใช่หรอ?”
“สหายข้า ภาคกลางกลาหลวุ่นวายกว่าดินแดนทางใต้มาก!”
โปพูดด้วยทางท่าและน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะมองไปที่ชิงหยิง
“ถ้าเทียบกันแล้ว ดินแดนทางใต้นี่ถือว่าสงบสุขเหมือนกับสวรรค์เลยล่ะ”
พวกเราเพิ่งจากผ่านศึกกับเขี้ยวโลหิตและนาคาทมิฬไป คนนับร้อยต้องตายมีเรื่องวุ่นวายมากมายที่นี่ แต่โปกับบอกว่ามันสงบสุข? จี้ฮ่าวคิดในใจ
จี้ฮ่าวถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของโป เขาแทบจะรอวันที่จะได้ออกไปดูดินแดนภาคกลางไม่ไหว เขาต้องการเห็นกับตาว่าดินแดนในตำนานที่แสนจะรุ่งเรื่องและเฟื่องฟูมันเป็นยังไงด้วยตาของเขาเอง
ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงหุบเขา จี้ฮ่าวตะโกนและโบกมือไปทางหุบเขา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเรามีแขก เตรียมเหล้าและเนื้อให้พร้อม!”
เขานิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ
“แขกของเรามาจากนอกดินแดนทางใต้!”